Page 2 - รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สค31001
P. 2

1. ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                       รัฐธรรมนูญ(Constitution) หมายถึงกฎหมายสูงสุดในการจัดการปกครองรัฐถ้าแปลตามความค าจะหมายถึงการ
               ปกครองรัฐอย่างถูกต้องเป็นธรรม (รัฐ + ธรรม + มนูญ)ในความหมายอย่างแคบ “รัฐธรรมนูญ”  ต้องมีลักษณะเป็นลาย

                      ั
               ลักษณ์อกษรและไม่ใช่สิ่งเดียวกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ (Constitutional  Low)  “เพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญ”  มี
                                                           ั
               ความหมายกว้างกว่าและจะเป็นรูปแบบลายลักษณ์อกษรหรือจารีตประเพณีก็ได้สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสเป็นประเทศ
               แรกๆที่ร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาในภาษาของประเทศทั้งสองค าว่ารัฐธรรมนูญต่างใช้ค าว่า (Constitution  ซึ่งแปลว่าการ

               สถาปนาหรือการจัดตั้งซึ่งหมายถึงการสถาปนาหรือการจัดตั้งรัฐนั่นเองโดยทั้งสองประเทศมีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์
                                                               ั
               อักษรแต่ประเทศอังกฤษไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อกษรมีแต่จารีตประเพณีหรือ “ธรรมเนียมทางการปกครอง” ที่
               กระจายอยู่ตามกฎหมายค าพพากษาต่างๆรวมทั้งธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาจนกลายเป็นจารีตประเพณีซึ่งถือเป็น
                                        ิ
               กฎหมายรัฐธรรมนูญที่สืบทอดมาจากประวัติศาสตร์ของชาตินั่นเอง

                       หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ดร.ปรีดีพนมยงค์) ได้อธิบายว่า “กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดินเป็นกฎหมายที่

               บัญญัติถึงระเบียบแห่งอ านาจสูงสุดในแผ่นดินทั้งหลายและวิธีการด าเนิน การทั่วไปแห่งอ านาจสูงสุดในประเทศ”
                                                                                                                ั
                                   ุ
               ศาสตราจารย์หยุดแสงอทัยท่านอธิบายว่าหมายถึง “กฎหมายที่ก าหนดระเบียบแห่งอานาจสูงสุดในรัฐและความสัมพนธ์

               ระหว่างอ านาจเหล่านี้ต่อกันและกัน”ประเทศไทยเริ่มใช้รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศเมื่อเกิดการ
               ปฏิวัติโดยคณะราษฎรเพอเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบ
                                      ื่
               ประชาธิปไตยโดยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขที่ทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 24

                       หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวง

               ชนชาวไทยตามที่คณะราษฎรได้น าขึ้นทูลเกล้าฯถวายให้ทรงลงพระปรมาภิไธยนอกจากนี้พระองค์ก็ทรงมีพะระราช
               ประสงค์มาแต่เดิมแล้วว่าจะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศแก่ประชาชนอยู่แล้วจึง

               เป็นการสอดคล้องกับแผนการของคณะราษฎรประกอบกับพระองค์ทรงเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและ
               ความสุขของประชาชนเป็นส าคัญยิ่งกว่าการด ารงไว้ซึ่งพระราชอ านาจของพระองค์รัฐธรรมนูญที่คณะราษฎรได้

               น าขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพอทรงลงพระปรมาภิไธยมี 2 ฉบับคือพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว
                                   ื่
               พ.ศ. 2475 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามพ.ศ. 2475ต่อมาเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างพระบาทสมเด็จ
               พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับคณะราษฎร์จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ตัดสินพระทัยสละราชสมบัติ เมื่อ

               วันที่ 2มีนาคม พ.ศ. 2477 โดยทรงมีพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ จากพระราชหัตถเลขาสละราชสมบัติ มีข้อความที่

                                                                                                    ั
               ถือว่าเป็นหลักการส าคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยว่า “ข้าพเจ้าเต็มใจที่จะสละอานาจอนเป็นของข้าพเจ้า
                                                                                                               ื่
               อยู่แต่เดิม ให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอ านาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก้ผู้ใดคณะใด โดยเฉพาะเพอใช้
               อ านาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร”
               นับแต่ปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงปี พ.ศ. 2552 ประเทศไทยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาแล้ว รวม 18 ฉบับ ดังนี้
   1   2   3   4   5   6   7