Page 156 - รายงานวิจัยน้ำทะเล_Neat
P. 156
146
การกัดเซาะอย่างรุนแรงเกิดการเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่งทะเลมาจากกระบวนการทางธรรมชาติและ
จากกิจกรรมของมนุษย์ ได้แก่ กระแสน้ าขึ้นน้ าลง คลื่นลม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาวะ
โลกร้อน ผลกระทบของน้ าทะเลสูงขึ้น ความเร็วของทิศทางและความแปรปรวนของกระแสน้ าที่ส่งผล
ให้ตะกอนถูกพัดพาและการรักษาสมดุลธรรมชาติเปลี่ยนแปลง จึงเป็นที่มาของปัญหาความเดือดร้อน
ของประชาชน โดยเฉพาะที่อยู่ในพื้นที่ที่มีปัญหากัดเซาะรุนแรง ท าให้พื้นที่ชายฝั่งถูกกัดเซาะเพิ่มมาก
ขึ้นในแต่ละปี โดยพื้นที่ที่ถูกกัดเซาะไปเกือบประมาณ 100 เมตรจากพื้นที่ชายฝั่ง ประชาชนต้องอพยพ
ถิ่นฐานถอยร่นเข้ามาเรื่อยๆ การลดลงของปุาชายเลน รวมถึงที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ าลดลง ท าให้ประชาชน
ภายในพื้นที่ประกอบอาชีพมีความยากล าบากมากขึ้น
3. วิธีการแก้ไขปัญหาและกลไกการจัดการของชุมชน
รูปแบบในการปูองกันการกัดเซาะชายฝั่งของ หมู่ที่ 4 ต าบลนาโคก มีรูปแบบอยู่ 3 รูปแบบ
โดยในปี พ.ศ. 2522 องค์การบริการส่วนต าบลนาโคก ได้จัดท าเขื่อนถาวรและเขื่อนหินทิ้งเป็นช่วงๆ
บริเวณตั้งแต่หน้าส านักสงฆ์ทะเลรางจันทร์ และด้านหน้าทะเลของชุมชน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ
เข้ามาท าแนวเขื่อนไม้ไผ่ชะลอคลื่นในการปูองกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยการรวมตัวของชุมชน
ภายในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนงบประมาณมาลงใน
พื้นที่ และในปี พ.ศ. 2558 ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต าบลนาโคก อ าเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับการ
สนับสนุนให้มีการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น ซึ่งพบว่าในปัจจุบันไม้ไผ่ที่ปักไว้บางส่วนได้ผุพัง และหักหลุดไป
ท าให้การชะลอคลื่นไม่มีประสิทธิภาพกับทั้งท าให้การสะสมตะกอนดินหลังแนวไม้ไผ่ไม่เป็นไปตาม
เปูาหมาย จึงเห็นสมควรปักไม้ไผ่เสริมในแนวเดิมที่ช ารุดเสียหายโดยเร่งด่วน เพื่อให้การปูองกันการ
กัดเซาะชายฝั่งมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยหน่วยงานของทางกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้สนับสนุนงบประมาณในการเสริมแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นของหมู่ที่ 4
ต าบลนาโคก อ าเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีเปูาหมายในการใช้ไม้ไผ่จ านวน 3,000 ต้น ปักตาม
แนวเดิม (ดังภาพที่ 4.27)