Page 33 - ตำนานการสวดพระมาลัย
P. 33

๒๗


                      อันผีดิบพวกนี้ มีรูปร่างผอมกระหร่อง แลเห็นซี่โครงเป็นแถบๆ พวกมันมีเล็บมือเล็บเท้าเป็นดาบ

                                                                                                           ั
               เป็นจอบเสียมอันคมกล้า กําลังก้มหน้าก้มตาถากเนื้อหนังของมันกินเป็นอาหารอย่างน่าเวทนา บางตว
               หมดเนื้อหนังที่จะถากกิน ก็จัดแจงงัดกระดูกซี่โครงของมันมาทดแทน แก้ความกระหายหิวต่อไปโดย

               ไม่ยอมอดตาย แต่วาระสุดท้าย มันก็ต้องพาร่างฟาดตึงลงสิ้นใจจนได   ้


                      ยังมีอีกพวกหนึ่ง ซึ่งพวกนี้มีเพียงนิ้วมือเป็นหอกดาบอย่างเดียว แต่ดูเหมือนจะร้ายยิ่งกว่าพวก


               ก่อนเป็นไหนๆ โดยมิได้ใช้น้ํามือที่เป็นหอกดาบนั้นถากเนื้อเถือหนังของตนกิน หากใช้ไล่ทิ่มแทงพรรก
               พวกมันเองอย่างบ้าดีเดือด และไม่ยอมนึกถึงใคร



                                            ้
                      นอกไปกว่าความเคียดแคนต่อกันและกัน ซึ่งไม่ทราบมีมาแต่ปางใด พอเห็นหน้ากันเข้า ก็โจน
                            ี
               เข้าใส่กันทันททันใด ราวกับพวกเจ้ายุทธจักรในหนังกําลังภายใจยังไงยังงั้น ที่ตายก็ตายไป แต่ที่ยังอย ู่
               ก็ต้องเป็นศัตรูคอยสังหารผลาญชีวากันต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด นี่เขาเรียกว่า ผีดิบอันธพาล ล่ะ



                      กล่าวกันว่า สัตว์นรกพวกนี้ เมื่อชาติปางก่อนเป็นอันธพาล คอยเกะกะรังควาน ความสุขสงบ

               ของชาวบ้านอยู่ตลอดเวลา ครั้นตายจึงถูกส่งมาเป็นอันธพาล ณ แดนแห่งน     ี้


                                                                                                     ั้
                      อีกแดนหนึ่งซึ่งอยู่ถดไปอีกไม่เท่าไร แดนนี้ทั้งลึกทั้งกว้าง มีกําแพงล้อมรอบถึงสองชั้น ชนนอก
                                      ั
               เป็นกําแพงเหล็กอย่างที่ผ่านมา แต่ชั้นในเป็นภูเขาเหล็กใหญ่ ลุกโชนด้วยเปลวไฟ และบนพื้นแผ่น

                                                                                     ึ้
               เหล็กเหล่านั้น มีขวากเหล็กแหลมป๎กเรียงรายอยู่เต็ม พอสัตว์นรกถูกไล่หนีขนไปบนภูเขานน ก็มี
                                                                                                  ั้
               ลมกรดพดขวากเหล็กมาเสียบหน้าเสียบหลังของพวกมัน ล้มตายกันเกลื่อนกลาด ไม่มีทางใด จะรอด

               พ้นไปได้แม้แต่ตัวเดียว



                      แดนประหารแหล่งสุดท้าย ใหญ่กว่าทุกแดนในนรก ล้อมรอบด้วยกําแพงเหล็กเป็นเปลวไฟ และ

               ภายใน มีเปลวไฟ ลุกไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน ทนได้ก็ทนไป หารทนไม่

               ไหว ก็ตายไปเท่านั้นเอง


                                                                                       ิ
                                         ี่
                      "พระคุณเจ้าขอรับ ที่นแหละ คือ  โลกันตนรก  หรือที่ชาวบ้านเรียกกันตดปากว่า  อเวจี
               ล่ะ"  ยมบาลเอ่ยขึ้นภายหลังที่พระมาลัย ตระเวณดูทั่วทุกแดนแล้ว "แดนนี้เป็นแดนที่ยิ่งใหญ่และมี

               ความหฤโหดทารุณที่สุด พระคุณเจ้า"



                      "งั้นก็เป็นแดนสุดท้ายแล้วซีท่าน?" พระเถระย้อนถาม
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38