Page 55 - รายงานสำรวจและจัดทำแผนผังถ้ำ เขตอุทยานแห่งชาติภาคใต้
P. 55
47
(ก)
(ข) (ค)
รูปที่ 3.20 กลุ่มหินราชบุรี บริเวณอุทยานแห่งชาติคลองพนม
(ก) หินปูนชั้นหนาปานกลาง ลักษณะ continuous wavy parallel และรอยเลื่อนปกติ
(ข) ซากดึกดำบรรพ์ปะการัง ผนังด้านขวาบริเวณระหว่าง A5-A6
(ค) ซากดึกดำบรรพ์แอมโมนอยด์ ผนังด้านขวาบริเวณระหว่าง A5-A6
การเกิดถ้ำลอด : เป็นถ้ำที่เกิดจากการละลายของหินปูน ในอดีตยุคเพอร์เมียนเมื่อ
ประมาณ 299 – 252 ล้านปีก่อน บริเวณถ้ำเคยเป็นทะเลมาก่อนมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในทะเลเป็นจำนวน
มาก เช่น ฟูซูลินิด ปะการัง ฟองน้ำ ไครนอยด์ หอยฝาเดียว และหอยสองฝา เป็นต้น เมื่อเวลาผ่านไป
ตะกอนคาร์บอเนตที่สะสมอยู่ในทะเลผ่านกระบวนทางธรณีวิทยาแข็งตัวกลายเป็นหินปูน พร้อมทั้ง
สิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลก็กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก
ทำให้ชั้นหินถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นภูเขาหินปูน พบโครงสร้างธรณีวิทยา เช่น ชั้นหินคดโค้ง รอยแตก และรอยเลื่อน
ภายในชั้นหินจำนวนมาก เป็นต้น น้ำทะเลในอดีตที่เพมระดับสูงขึ้นกัดเซาะเกาะแผ่เป็นบริเวณกว้าง ร่องรอย
ิ่
ที่บันทึกตามเกาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาเป็นหลักฐานการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลโบราณ
ร่องรอยดังกล่าวเรียกว่า “เว้าทะเล” (รูปที่ 3.21 (ฉ)) นอกจากนี้น้ำทะเลกัดเซาะตามแนวรอยแตก รอยเลื่อน
จนเกิดถ้ำทะลุจากจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่งของเกาะกลางทะเล เกิดลักษณะเพดานของถ้ำลอดที่ค่อนข้าง
เรียบ กระแสคลื่นกระแทกบริเวณเพดานถ้ำลอดจนเกิดกุมภลักษณ์หัวกลับ หลังจากนั้นระดับน้ำทะเลค่อยๆ
ลดลง ปัจจุบันน้ำทะเลกัดเซาะบริเวณนี้ให้เกิดเว้าทะเล (รูปที่ 3.21 (ง)) ในขณะที่ระดับของน้ำทะเลกำลัง
่
ลดลง น้ำฝนที่รวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ มีฤทธิ์เป็นกรดออน ไหลซึมเข้าไปตามรอยแตก
และรอยเลื่อน ทำให้รอยแตกและรอยเลื่อนขยายขนาดใหญ่ขึ้น น้ำที่ซึมมาตามรอยแตกและรอยเลื่อน