Page 61 - รายงานสำรวจและจัดทำแผนผังถ้ำ เขตอุทยานแห่งชาติภาคใต้
P. 61
53
3.2.9 แผนผังถ้ำนาค
ข้อมูลทั่วไป : ถ้ำนาคตั้งอยู่ในเกาะสองพี่น้อง เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา บ้านท่าด่าน
ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา พิกัดที่ 441997 ตะวันออก 922206 เหนือ เดินทางโดย
รถยนต์จากอำเภอเมืองพังงา ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 มุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วเลี้ยวซ้ายใช้ทาง
ั
หลวงหมายเลข 4144 ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติอ่าวพงงา ระยะทางประมาณ 7.2 กิโลเมตร และนั่งเรือ
จากอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาถึงถ้ำนาค ระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร
ลักษณะเด่น : เป็นถ้ำที่เกิดจากการละลาย ถ้ำที่มีลักษณะทะลุจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้าน
หนึ่งของเกาะสองพี่น้อง ปากถ้ำทิศตะวันตกลักษณะลาดชันขึ้นสู่ปากถ้ำทิศตะวันออก ระยะประมาณ 60 เมตร
ปากถ้ำทิศตะวันออกเป็นหลุมยุบขนาดใหญ่ พบก้อนหินขนาดใหญ่ที่ถล่มลงมาจำนวนมากและบางส่วน
ไหลเข้าสู่ถ้ำ และภาพเขียนสีโบราณบริเวณผนังถ้ำ โถงถ้ำหลัก 1 โถง โถงถ้ำย่อย 2 โถง พบประติมากรรมถ้ำ
ที่สวยงาม เช่น หินย้อยย้อนแสง หินย้อย หินน้ำไหล เสาหิน ทำนบหินปูน ไข่มุกถ้ำ และม่านหินย้อย
เป็นต้น (รูปที่ 3.25) การสำรวจและจัดทำแผนผังถ้ำเทียบได้กับระดับ 4 (grade 4) ตามมาตรฐานการ
สำรวจของสมาคมวิจัยถ้ำของประเทศอังกฤษ (British Cave Research Association: BCRA)
คณะสำรวจได้กำหนดให้อยู่ระหว่าง ชั้น C (class C) ความยาวโถงหลัก 107.316 เมตร ความยาวโถงย่อย
58.094 เมตร ความยาวรวม 165.410 เมตร (รูปที่ 3.26)
ลักษณะธรณีวิทยา : ภูมิประเทศคาสต์รูปกรวยและคาสต์รูปหอคอย แนวการวางตัวใน
ทิศเหนือ-ใต้ บริเวณนี้ประกอบด้วย หินปูน หินปูนเนื้อโดโลไมต์ สีเทาปานกลางถึงเทา ชั้นปานกลางถึงหนา
เนื้อหินปูนขนาดละเอียดมีซากดึกดำบรรพ์ปนอยู่น้อยกว่าร้อยละ 10 (Dunham, 1962) มีก้อนเชิร์ต
ลักษณะเป็นเลนส์วางตัวตามแนวการวางตัวของชั้นหิน พบซากดึกดำบรรพ์พวกไครนอยด์สเต็ม หอยฝาเดียว
แบรคิโอพอด หอยสองฝา ปะการัง และฟองน้ำ มีอายุอยู่ในยุคเพอร์เมียน หรือประมาณ 299-252
ล้านปีมาแล้ว
การเกิดถ้ำนาค : เป็นถ้ำที่เกิดจากการละลายของหินปูน ในอดีตยุคเพอร์เมียน
เมื่อประมาณ 299 – 252 ล้านปีก่อน บริเวณถ้ำเคยเป็นทะเลมาก่อนมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในทะเลเป็น
จำนวนมาก เช่น ปะการัง ไครนอยด์ หอยฝาเดียว และหอยสองฝา เป็นต้น เมื่อเวลาผ่านไป
ตะกอนคาร์บอเนตที่สะสมอยู่ในทะเลผ่านกระบวนทางธรณีวิทยาแข็งตัวกลายเป็นหินปูน พร้อมทั้ง
สิ่งมีชีวิตที่เคยอาศัยอยู่ในทะเลก็กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก
ทำให้ชั้นหินถูกยกตัวขึ้นกลายเป็นภูเขาหินปูน พบโครงสร้างธรณีวิทยา เช่น ชั้นหินคดโค้ง รอยแตก
และรอยเลื่อน ภายในชั้นหินจำนวนมาก เป็นต้น หลังจากนั้นน้ำฝนที่รวมตัวกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ในอากาศ มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ไหลซึมเข้าไปตามรอยแตกและรอยเลื่อน ทำให้รอยแตก และรอยเลื่อน
ขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นโพรง ในที่สุดกลายเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ขึ้น โดยในช่วงแรกโถงถ้ำจะมีน้ำ
อยู่เต็มโถง เมื่อเวลาผ่านไประดับน้ำใต้ดินลดลงหรือแผ่นเปลือกโลกมีการยกตัว โถงถ้ำที่มีน้ำเต็มโถงก็กลายเป็น
โถงถ้ำที่ไม่มีน้ำ (โถงบกหรือโถงแห้ง) น้ำที่ซึมมาตามรอยแตกและรอยเลื่อนละลายหินปูนไหลเข้ามาในโถงถ้ำแห้ง
เกิดประติมากรรมถ้ำจำนวนมาก เช่น หินงอก หินย้อย เสาหิน หินน้ำไหล และทำนบหินปูน เป็นต้น เพดานถ้ำ
ที่บางจนเกิดการถล่มจนเกิดโถงถ้ำที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงการเกิดหลุมยุบบริเวณปากถ้ำทิศตะวันออกดังที่
เห็นในปัจจุบัน ระดับของน้ำทะเลโบราณที่เพิ่มขึ้นได้ทิ้งร่องรอยของชั้นหอยไว้บริเวณ A5-1-A52
ี
(รูปที่ 3.25 (ง)) ส่วนระดับน้ำที่ลดลงก็จะไปสร้างโถงถ้ำใหม่บริเวณด้านล่าง (รูปที่ 3.25 (ค)) โถงบกอก
ชั้นหนึ่ง เกิดเป็นวัฏจักรการเกิดถ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นโถงถ้ำหลายชั้น