Page 98 - คู่มือติดต่อราชการฯ ภ.2
P. 98
85
ศาลภาษีอากร
คดีภาษีอากรเป็นคดีที มีลักษณะพิเศษแตกต่างไปจากคดีแพ่งโดยทั วไป เพราะเป็นข้อ
พิพาทระหว่างเอกชนกับรัฐ อันเนื องมาจากการประเมินหรือการจัดเก็บภาษีอากร ซึ งหากได้รับการ
พิจารณาโดย ผู้พิพากษาที มีความรู้ความเข้าใจในปัญหาทางด้านภาษีอากรโดยเฉพาะ ก็จะทําให้
การพิจารณาคดีภาษีอากรเป็นไปโดยรวดเร็วยิ งขึ น จึงสมควรจัดตั งศาลภาษีอากรขึ นเพื อพิจารณาคดีภาษี
อากรโดยมีวิธีพิจารณาคดีเป็นพิเศษ
ศาลภาษีอากรมีอํานาจพิจารณาคดีแพ่งที เกี ยวกับภาษีตามประมวลรัษฎากร ภาษีศุลกากร
ภาษีสรรพสามิต ภาษีโรงเรือนและที ดิน ภาษีป้าย ภาษีบํารุงท้องที ค่าภาคหลวงต่าง ๆ แต่ก่อนฟ้องต้อง
ปฏิบัติตามขั นตอนของประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายเกี ยวกับภาษีอากรนั น ๆ ให้ครบถ้วนเสียก่อน เช่น
คดีที พิพาทกันตามประมวลรัษฎากร โจทก์ซึ งเป็นราษฎรฟ้องกรมสรรพากร โจทก์จะต้องอุทธรณ์การ
ประเมินภายใน 30 วัน และต้องยื นฟ้องภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งคําวินิจฉัยอุทธรณ์ ซึ งก็มี
บทบัญญัติทํานองเดียวกันเกือบทุกประเภทภาษี แต่อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติของกฎหมายต่างๆ ก็อาจ
กําหนดเงื อนไขเพิ มเติมขึ นมา เช่น ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที ดิน พ.ศ. 2475 โจทก์
จะต้องชําระค่าภาษีตามการประเมินให้ครบถ้วนก่อนจึงจะมีอํานาจฟ้อง เป็นต้น
ศาลภาษีอากรกลางมีเขตอํานาจตลอดกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัด
สมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ดังนั น คดีภาษีอากรที จําเลยมี
ภูมิลําเนาอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดต่างๆ ดังกล่าว จะต้องยื นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลาง
เท่านั น แต่ถ้าเป็นคดีที อยู่นอกเขตอํานาจศาลภาษีอากรกลาง ก็อาจจะยื นฟ้องต่อศาลภาษีอากรกลางก็ได้
ทั งนี เป็นดุลพินิจของศาลภาษีอากรกลางที จะไม่รับพิจารณาคดีนั น ๆ ให้ ปัจจุบันมีศาลภาษีอากรกลางเพียง
แห่งเดียว ดังนั น เพื ออํานวยประโยชน์แก่คู่ความก็ให้ยื นฟ้องต่อศาลแห่งท้องที ที จําเลยมีภูมิลําเนาก็ได้
แต่ศาลจังหวัดนั น ๆ ต้องส่งคําฟ้องไปให้ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาสั ง