Page 7 - COJ-2020_
P. 7

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ  ทรงเล็งเห็นถึงข้อขัดข้องจากการที่ศาล
        กระจัดกระจายอยู่ในหน่วยงานต่าง ๆ ทำาให้ตุลาการแยกย้ายไปอยู่ตามหน่วยงานหลายแห่งต่างสังกัดกัน
        อีกทั้งวิธีค้นคว้าพิสูจน์ความจริงของศาลก็ล้าสมัยไม่เหมาะสม เป็นเหตุให้การพิจารณาคดีล่าช้า ทำาให้

        ประชาชนผู้มีอรรถคดีเดือดร้อน จึงทรงมี พระราชปณิธานที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้ดังจะเห็นได้จากพระราชดำารัส
        ที่ทรงแถลงพระบรมราชาธิบายแก้ไขการปกครองแผ่นดินว่า “...การตำาแหน่งยุติธรรมในเมืองไทยนี้เปรียบ
        เหมือนเรือกำาปั่นที่ถูกเพรียงแลปลวกกินผุโทรมทั้งลำา แต่ก่อนทำามานั้นเหมือนรั่วแห่งใด ก็เข้าไม้อุดยาแต่
                                                                                             ๑
        เฉพาะที่ตรงรั่วนั้นที่อื่นก็โทรมลงไปอีกครั้นช้านานเข้าก็ยิ่งชำารุดหนักลงทั้งลำาเป็นเวลาสมควรที่ต้องตั้งกง
        ขึ้นกระดานใหม่ให้เป็นที่มั่นคงถาวรสืบไป”


               ครั้นปีรัตนโกสินทรศก ๑๐๐ เนื่องในโอกาสที่พระนครครบ ๑๐๐ ปี ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๒๕
        พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ได้ทรงวางศิลาก่อพระฤกษ์อาคารสถิตยุติธรรม  (ปัจจุบันเป็น

        อาคารศาลฎีกาตั้งอยู่ที่สนามหลวง) ในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ
                                                                 ๒
        จารึกพระราชปรารภในการจัดตั้งศาลยุติธรรมไว้ในแผ่น “หิรัญบัตร”  (เป็นแผ่นเงินยาวประมาณ ๑ ฟุต
        กว้างประมาณ ๖ นิ้ว) แสดงให้เห็นถึงพระบรมราโชบายในการปกครองแผ่นดินว่ามีพระราชประสงค์ให้
        ตั้งศาลขึ้น เป็นองค์กรที่ทำาหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาดอรรถคดี ทั้งนี้ ทรงเล็งเห็นว่าบ้านเมืองจะอยู่ได้ด้วยความ
        สงบสุขร่มเย็นหรือไม่ก็ต้องอาศัยการศาลเป็นสำาคัญแผ่นหิรัญบัตรนี้ทรงโปรดฯ  ให้บรรจุไว้ในหีบศิลาและ

        ฝังไว้อยู่ใต้อาคารที่ทำาการศาลสถิตยุติธรรมเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๒๕

               ต่อมาในปีรัตนโกสินทรศก ๑๑๐ ซึ่งตรงกับวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๔๓๔ ทรงมีพระบรมราชโองการ

        ประกาศตั้งกระทรวงยุติธรรมขึ้น  และจัดระบบกฎหมายเสียใหม่เพื่อให้เข้ากับนานาอารยประเทศ โดยมี
        พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ทรงเป็นกำาลังสำาคัญในการจัดรูปแบบกฎหมายและระบบ
        ศาลยุติธรรมอันเป็นรากฐานสำาคัญให้ศาลยุติธรรมเจริญรุ่งเรืองเป็นสถาบันที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรม
        ให้แก่ประชาชนสืบมา


               เพื่อรำาลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวศาลยุติธรรมจึงถือ
        เอาวันที่ ๒๑ เมษายนของทุกปีเป็นวันศาลยุติธรรม


               ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๘ ได้มีการประกาศใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรมแบ่งแยกงานศาลยุติธรรม
        ออกต่างหากจากกันเป็นสองฝ่าย  คืองานธุรการและงานตุลาการโดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
        เป็นผู้รับผิดชอบงานธุรการ ส่วนงานตุลาการคือการพิจารณาพิพากษาเป็นอำานาจของตุลาการโดยเฉพาะ







        ๑  กง  หมายความถึง ไม้รูปโค้งที่ตั้งเป็นโครงเรือ
                                                                                                 6
        ๒  แผ่นหิรัญบัตร  ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศาลไทย อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม สำานักงานศาลยุติธรรม
   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12