Page 11 - COJ-2020_
P. 11

๓.๑ ศาลชั้นต้น

               ศาลชั้นต้น เป็นศาลซึ่งรับคำาฟ้องหรือรับคำาร้องในชั้นเริ่มต้นคดี โดยผู้ที่มีคดีความและประสงค์จะ
        ใช้สิทธิฟ้องร้องต้องยื่นฟ้องที่ศาลนี้เป็นลำาดับแรก โดยคดีที่ศาลชั้นต้นรับพิจารณาสามารถจำาแนกออก

        เป็นเรื่องต่าง ๆ ทั้งคดีแพ่ง คดีผู้บริโภค คดีสิ่งแวดล้อม คดีนักท่องเที่ยว คดีแรงงาน คดีภาษีอากร คดีล้มละลาย
        คดีเยาวชนและครอบครัว คดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ หรือคดีอาญา โดยดำาเนิน
        กระบวนการตัดสินชี้ขาดเป็นชั้นศาลแรก ทั้งมีอำานาจดำาเนินกระบวนการพิจารณาแทนศาลอุทธรณ์และ

        ศาลฎีกาในบางเรื่องด้วย โดยศาลชั้นต้น ได้แบ่งย่อยลงไปเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาพิพากษาคดี ประกอบ
        ด้วย

               ๑. ศาลชั้นต้น พิจารณาคดีแพ่งและคดีอาญาในกรุงเทพมหานคร แบ่งออกเป็น ๓ กลุ่ม คือ กลุ่ม
        ศาลแพ่ง ได้แก่ ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลแพ่งพระโขนง ศาลแพ่งตลิ่งชัน

        กลุ่มอาญา ได้แก่ ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญาธนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลอาญาพระโขนง
        ศาลอาญาตลิ่งชัน

               ๒. ศาลจังหวัด เป็นศาลยุติธรรมชั้นต้นที่ตั้งประจำาในแต่ละจังหวัดหรือในบางอำาเภอมีเขตอำานาจศาล
        ตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดนั้นได้กำาหนดไว้ มีอำานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญา

        ทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำานาจของศาลยุติธรรมอื่น องค์คณะประกอบด้วยผู้พิพากษาอย่างน้อย ๒ คน และ
        ต้องไม่เป็นผู้พิพากษาประจำาศาลเกิน ๑ คนหากในจังหวัดนั้นไม่มีศาลแขวง ให้ศาลจังหวัดมีอำานาจพิจารณา
        คดีที่อยู่ในอำานาจศาลแขวงโดยองค์คณะประกอบด้วยผู้พิพากษาคนเดียว

               ๓. ศาลแขวง เป็นศาลชั้นต้นที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่เป็นความผิด

        เล็กน้อย  และคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ทีี่พิพาทไม่สูง  เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีมีความรวดเร็วและ
        คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพแก่ประชาชน โดยในส่วนของคดีแพ่งนั้น กำาหนดให้มีอำานาจหน้าที่ในการพิจารณา
        คดีซึ่งมีราคาทรัพย์สินที่พิพาทหรือจำานวนเงินที่ฟ้องไม่เกิน  ๓๐๐,๐๐๐  บาท  หากเป็นคดีอาญาสามารถ
        พิจารณาคดีที่มีบทลงโทษจำาคุกไม่เกิน๓ ปี หรือปรับไม่เกิน ๖๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ แต่ทั้งนี้จะ
        ลงโทษจำาคุกเกิน ๖ เดือน หรือปรับเกิน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำาทั้งปรับซึ่งโทษจำาคุกหรือปรับนั้น

        อย่างหนึ่งอย่างใดหรือทั้งสองอย่างเกินอัตราที่กล่าวแล้วโดยองค์คณะผู้พิพากษาคนเดียวไม่ได้ หาก
        เห็นว่าสมควรลงโทษจำาเลยเกินอัตราดังกล่าว ถือเป็นเหตุจำาเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ต้องให้ผู้พิพากษา
        หัวหน้าศาลแขวงนั้น หรือผู้ทำาการแทนตรวจสำานวน และลงลายมือชื่อในคำาพิพากษาเป็นองค์คณะในการ

        พิพากษาคดีด้วย







                                                                                                 10
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16