Page 840 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 840
๘๒๘
ธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ใช้บังคับในขณะนั้น เป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองผู้บริโภคมิให้โจทกบอก
์
เลิกสัญญาก่อนครบก าหนดระยะเวลา ๓๐ วัน จ าเลยที่ ๑ ผู้บริโภคสามารถสละสิทธิความคุ้มครองตาม
สัญญาดังกล่าวได้ แต่ศาลยังได้วินิจฉัยต่อไปว่า จ าเลยที่ ๑ น ารถที่เช่าซื้อไปส่งคืนแก่โจทก์ในวันเดียวกับ
ื้
ิ
วันที่ได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์ โดยโจทก์รับรถที่เช่าซื้อไว้โดยมิได้อดเออนหรือสงวนสิทธิ์ในการเรียก
ค่าเสียหายหรือค่าขาดราคา สัญญาเช่าซื้อไม่ได้เลิกกันเพราะจ าเลยผิดนัดไม่ช าระค่าเช่าซื้อตามสัญญา
ั
เช่าซื้อ และฟงไม่ได้ว่าจ าเลยที่ ๑ ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาด้วยการคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ
ื้
ิ
แต่พฤติการณ์ที่จ าเลยที่ ๑ น ารถที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์และโจทก์รับรถดังกล่าวไว้โดยมิอดเออนถือได้ว่า
คู่สัญญาสมัครใจเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกัน ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคา
ิ
๑.๖ หากพเคราะห์ค าพพากษาศาลฎีกาตามข้อ ๑.๑ แล้ว เมื่อยังไม่ครบก าหนด ๓๐ วัน
ิ
ผู้เช่าซื้อน ารถที่เช่าซื้อมาคืน การบอกเลิกสัญญาของผู้ให้เช่าซื้อย่อมไม่เป็นผล ส่วนการบอกเลิกสัญญาตาม
ข้อสัญญาเช่าซื้อที่ให้สิทธิผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาโดยน ารถยนต์ที่เช่าซื้อมาคืนผู้ให้เช่าซื้อและช าระเงินทั้ง
้
ปวงที่ถึงกาหนดช าระหรือที่เป็นหนี้ตามสัญญาแกโจทก์ทนที(ตามขอตกลงในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ส่วนใหญ่
่
ั
ที่จะก าหนดให้สิทธิผู้เช่าซื้อใช้เลิกสัญญาเช่าซื้อโดยน ารถมาคืนเงื่อนไขดังกล่าว) ซึ่งในทางปฏิบัติไม่อาจ
บังคับได้ เนื่องจากผู้เช่าซื้อไม่มีเงินช าระค่าเช่าซื้อ ทั้งไม่สามารถช าระค่าเช่าซื้อต่อไปได้ จึงไม่ถือว่าเป็น
ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตาข้อสัญญาโดยชอบ และเมื่อผิดนัดค่าเช่าซื้อเสียแล้วก็ไม่ถือว่าการคืน
รถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นการบอกเลิกสัญญาตาม ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์มาตรา ๕๗๓ เช่นกัน ดังนั้น
่
การวินิจฉัยว่ากรณีผู้เช่าซื้อส่งมอบรถยนต์คืนยังไม่ครบก าหนด ๓๐ วัน และผู้ให้เช่าซื้อรับไว้ถือว่าเป็นการ
เลิกสัญญาโดยปริยาย สอดคล้องกับกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดค่าเช่าซื้อแล้ว แต่ไม่สามารถช าระหนี้ค่าเช่าซื้อ
ต่อไปและน ารถมาคืนผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งทั้งสองกรณีเป็นผลดีทั้งกบผู้เช่าซื้อและผู้ให้เช่าซื้อในการที่ผู้เช่าซื้อไม่มี
ั
เงินช าระค่าเช่าซื้อก็รีบคืนรถ รถของผู้ให้เช่าซื้อย่อมเสียหายน้อย
๑.๗ แม้การเลิกสัญญาโดยปริยายผู้ให้เช่าซื้อไม่อาจเรียกค่าขาดราคาได้ตามข้อสัญญา แต่
ี
เมื่อสัญญาเลิกกันคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจ าต้องให้อกฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิมตามประมวลกฎหมาย
แพงและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคหนึ่ง และหากรถยนต์ที่คืนเสียหายมากอนส่งผลให้ขายทอดตลาดได้
่
ั
ราคาต่ า กรณีนี้ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้ตามมาตรา ๓๙๑ วรรคท้าย ที่บัญญัติว่า “การใช้
สิทธิเลิกสัญญานั้น หากระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายไม่” เทียบเคียงค าพพากษาฎีกาที่ ๓๐๘๔/
ิ
๒๕๕๒ นอกจากนี้ยังมีค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๕๓๖๓/๒๕๔๕ ซึ่งวินิจฉัยว่า “เมื่อสัญญาเช่าซื้อเลิกกัน
ิ
คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคแรก
่
ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่อาจบังคับให้จ าเลยที่ ๑ ช าระค่าขาดราคารถยนต์เท่ากับค่าเช่าซื้อที่ยังขาดได้ เพราะจะมี
ผลเท่ากับบังคับให้จ าเลยที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาเช่าซื้อที่เลิกกันไปแล้ว หากผู้ให้เช่าซื้อยังได้รับความ
เสียหายในส่วนราคารถยนต์ที่ขาด ผู้ให้เช่าซื้อสามารถเรียกได้ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์
่
มาตรา ๓๙๑ วรรคท้าย แต่ค่าเสียหายที่ผู้ให้เช่าซื้อเรียกได้นี้คือค่าขาดราคาไปจากราคารถยนต์ที่แท้จริง
๒๖ ศาลฎีกาวินิจฉัยท านองเดียวกับค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๕๔๒๔/๒๕๖๐