Page 6 - annual 2561
P. 6
คำานำา
โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ เป็นรัฐธรรมนูญ
ที่จัดระบบศาลของประเทศไทยเป็นระบบศาลคู่ โดยกำาหนดให้มีศาลปกครองเป็นศาล
ที่มีอำานาจพิจารณาพิพากษาคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างฝ่ายปกครองกับเอกชน ทั้งนี้
ตามที่กฎหมายบัญญัติเป็นเหตุให้ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล
ไม่ว่าจะเป็นศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหารหรือศาลอื่น รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึง
กำาหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาลขึ้น เพื่อทำาหน้าที่
วินิจฉัยชี้ขาดปัญหาดังกล่าว และภายหลังเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพุทธศักราช ๒๕๖๐ ก็ยังคงกำาหนดให้มี
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาลให้มีหน้าที่และอำานาจในการ
แก้ไขปัญหาดังกล่าว ต่อมา โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
มาตรา ๑๙๒ บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำานาจระหว่าง
ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง หรือศาลทหาร ให้พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดโดยคณะกรรมการ
ซึ่งประกอบด้วยประธานศาลฎีกาเป็นประธาน ประธานศาลปกครองสูงสุด หัวหน้า
สำานักตุลาการทหาร และผู้ทรงคุณวุฒิอื่นอีกไม่เกินสี่คน ตามที่กฎหมายบัญญัติ
เป็นกรรมการ” โดยมีสำานักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่
ระหว่างศาล ซึ่งเป็นหน่วยงานธุรการทำาหน้าที่ดำาเนินการเกี่ยวกับงานเลขานุการของ
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล และงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยใน
ปี ๒๕๖๑ มีการรับเรื่องเข้าสู่การพิจารณา จำานวน ๑๘๐ เรื่อง และมีคำาวินิจฉัยชี้ขาด
อำานาจหน้าที่ระหว่างศาลเสร็จ จำานวน ๑๘๐ เรื่อง
รายงานประจำาปี ๒๕๖๑ ฉบับนี้ ได้รวบรวมผลงานและกิจกรรมต่าง ๆ ที่
คณะกรรมการได้ดำาเนินการในปีที่ผ่านมา รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมา อำานาจ
หน้าที่ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และบทความที่น่าสนใจ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงาน
ประจำาปี ๒๕๖๑ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจได้เป็นอย่างดี
สำานักงานเลขานุการคณะกรรมการ
วินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล