Page 189 - 2553-2561
P. 189
ค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๑๗๒/๒๕๖๑ ศาลแพ่ง
ศาลปกครองกลาง
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์การของรัฐบาล พ.ศ. ๒๔๙๖
พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร พ.ศ. ๒๕๑๗
คดีที่โจทก์เป็นเอกชน ยื่นฟ้ององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร จ�าเลยที่ ๑ และจ�าเลยที่ ๒ พนักงานสังกัด
จ�าเลยที่ ๑ ขอให้จ�าเลยทั้งสองร่วมกันช�าระค่าเช่าคลังสินค้าพร้อมดอกเบี้ย จากการที่จ�าเลยที่ ๑ ท�าสัญญาเช่า
คลังสินค้าของโจทก์เพื่อใช้เก็บรักษาข้าวสารที่สีแปรสภาพจากข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ที่จ�าเลยที่ ๑
สั่งให้โรงสีส่งมอบ ตามโครงการรับจ�าน�าข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ และสัญญาจ้างเหมาโจทก์ขนย้าย
ข้าวสารโครงการรับจ�าน�าข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ เก็บในคลังสินค้า โดยมีจ�าเลยที่ ๒ ในฐานะหัวหน้า
คลังสินค้าในเขตพื้นที่รับผิดชอบน�าข้าวสารเก็บในคลังสินค้าที่เช่า ซึ่งจ�าเลยที่ ๑ คงค้างช�าระค่าเช่าบางส่วน
เห็นว่า แม้จ�าเลยที่ ๑ เป็นหน่วยงานทางปกครอง แต่สัญญาเช่าคลังสินค้า มีวัตถุประสงค์เพียงก�าหนดให้โจทก์
มีหน้าที่ส่งมอบคลังสินค้าพร้อมทั้งจัดหาสิ่งอ�านวยความสะดวกในสภาพที่ดีเหมาะสมกับการเก็บรักษาข้าวสาร
ให้แก่จ�าเลยที่ ๑ ผู้เช่า เข้าครอบครองเพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาข้าวสารที่สีแปรสภาพจากข้าวเปลือกที่จ�าเลย
ที่ ๑ สั่งให้โรงสีส่งมอบตามโครงการรับจ�าน�าข้าวเปลือก กับก�าหนดความรับผิดของโจทก์ในกรณีข้าวสาร
หรือกระสอบบรรจุข้าวสารเสื่อมคุณภาพเสียหายอันเกิดจากสถานที่เช่าไม่เหมาะสมกับการเก็บรักษาเท่านั้น
โดยจ�าเลยที่ ๑ ท�าสัญญาจ้างเหมาให้โจทก์ขนย้ายข้าวสารดังกล่าวเข้าเก็บในคลังสินค้าที่เช่า และมิได้ระบุ
ให้โจทก์มีอ�านาจเช่นเดียวกับจ�าเลยที่ ๒ ในการรับมอบ เก็บรักษา จ่ายข้าวสาร จากคลังสินค้าตามโครงการรับ
จ�าน�าข้าวเปลือกของจ�าเลยที่ ๑ คงมีสิทธิเพียงแค่ได้รับเงินค่าเช่าและค่าจ้างขนย้ายเท่านั้น สัญญาทั้งสองฉบับ
ดังกล่าวจึงไม่มีลักษณะเป็นการให้โจทก์เข้าร่วมจัดท�าบริการสาธารณะ หรือเป็นสัญญาที่มีข้อก�าหนดในสัญญา
ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่แสดงถึงเอกสิทธิ์ของรัฐ ทั้งนี้เพื่อให้การด�าเนินกิจการทางปกครองอันเป็นบริการสาธารณะ
บรรลุผลแต่อย่างใด และไม่มีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน หรือจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จาก
ทรัพยากรธรรมชาติ อันจะถือเป็นสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและ
วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ จึงเป็นสัญญาทางแพ่งทั่วไปที่มีหน่วยงานทางปกครองเป็นคู่สัญญาเท่านั้น
ข้อพิพาทในคดีนี้จึงมิใช่คดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติ
จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อันจะอยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาของ
ศาลปกครอง แต่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางแพ่งที่อยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
รวมย่อค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่น่าสนใจ
188 พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๑