Page 82 - 2553-2561
P. 82

ค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๖๕/๒๕๕๕             ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

                                                                                  ศาลปกครองกลาง



                  พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒
                  ประมวลกฎหมายที่ดิน

                  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



                           คดีที่เอกชนยื่นฟ้องเอกชนด้วยกันและเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
                  ในที่ดิน ต่อมามีการท�าบันทึกยื่นค�าขอรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมที่ดินออกเป็นสองแปลง แปลงที่ ๑ ให้จ�าเลย

                  ที่ ๑ เนื้อที่ ๖๒ ตารางวา ส่วนแปลงที่เหลือเป็นของโจทก์ที่ ๑ แต่จ�าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๑๑ ร่วมกันหลอกลวงโจทก์

                  ให้ลงลายมือชื่อในเอกสารบันทึกข้อตกลงการจดทะเบียนและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ท�าให้
                  จ�าเลยที่ ๑ ได้ที่ดินเพิ่มโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการกระท�าละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ขอให้พิพากษาหรือ
                  มีค�าสั่งว่า นิติกรรมตามบันทึกข้อตกลงเรื่องกรรมสิทธิ์รวมเป็นโมฆะ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนแบ่งกรรมสิทธิ์

                  รวมและเพิกถอนโฉนดที่ดินหรือให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนโจทก์ที่ ๑ กับให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนจ�าเลย

                  ที่ ๑ และที่ ๒ ให้การโดยสรุปว่า จ�าเลยที่ ๑ ตกลงซื้อขายที่ดินเฉพาะแปลงกับโจทก์ที่ ๑ แต่เจ้าพนักงานที่ดิน
                  ไม่จดทะเบียนซื้อขายให้ จึงท�าบันทึกให้จ�าเลยที่ ๑ ถือกรรมสิทธิ์รวมกับโจทก์ที่ ๑ โดยกะประมาณเนื้อที่และ
                  ครอบครองที่ดินโดยมิได้มีการโต้แย้ง ต่อมามีการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ในที่ดิน จึงท�าบันทึกข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์

                  รวมเฉพาะส่วนให้แก่จ�าเลยที่ ๑ ตามความเป็นจริงโดยไม่มีค่าตอบแทน จ�าเลยที่ ๒ ไม่มีนิติสัมพันธ์และไม่เคย

                  หลอกลวงโจทก์ที่ ๑ จ�าเลยที่ ๓ ถึงที่ ๑๑ ให้การท�านองเดียวกันว่า ปฏิบัติราชการโดยสุจริตและชอบด้วยระเบียบ
                  และกฎหมาย เห็นว่า โจทก์ทั้งสองฟ้องคดีนี้โดยมุ่งประสงค์ให้ศาลพิพากษาหรือมีค�าสั่งให้รับรองและคุ้มครอง
                  กรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์ทั้งสอง การที่ศาลจะพิพากษาหรือมีค�าสั่งตามค�าขอของโจทก์ทั้งสองได้นั้น ศาล

                  จ�าต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า โจทก์ทั้งสองกับจ�าเลยที่ ๑ ตกลงแบ่งแยกที่ดินหรือตกลงกันให้จ�าเลย

                  ที่ ๑ ถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่างเอกชนด้วยกันเป็นส�าคัญแล้วจึงจะพิจารณาประเด็น
                  อื่นต่อไปได้ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม


























                                                                   รวมย่อค�าวินิจฉัยชี้ขาดอ�านาจหน้าที่ระหว่างศาลที่น่าสนใจ
                                                                                           พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๑ 81
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87