Page 35 - รายงานประจำปี 2563
P. 35
ี
ให้ประธานกรรมการเป็นประธานในท่ประชุม ในกรณีท่ประธานกรรมการไม่อยู่หรือไม่สามารถ
ี
ปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยช้ขาดในท่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหน่งให้มีเสียงหน่งในการลงคะแนน
ี
ี
ึ
ึ
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
�
มาตรา ๑๗ คาวินิจฉัยของคณะกรรมการให้ทาเป็นหนังสือ ระบุเหตุผลแห่งคาวินิจฉัยและลงลายมือช่อ
ื
�
�
กรรมการทุกคนที่วินิจฉัย และบุคคลทั่วไปอาจขอคัดส�าเนาได้ตามวิธีการที่คณะกรรมการก�าหนด
�
ให้คณะกรรมการมีอานาจออกข้อบังคับเก่ยวกับวิธีการเสนอเร่องต่อคณะกรรมการการพิจารณาและ
ื
ี
ี
ี
�
ี
ื
วินิจฉัยของคณะกรรมการ และการอ่นท่จาเป็นเท่าท่ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติน้โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๑๘ ให้เลขานุการศาลฎีกาเป็นเลขานุการคณะกรรมการ และให้มีหน้าท่รับผิดชอบดาเนินการ
ี
�
ตามที่คณะกรรมการก�าหนด
เพ่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานของเลขานุการคณะกรรมการ ให้ประธานกรรมการแต่งต้งข้าราชการ
ั
ื
ตุลาการศาลยุติธรรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมจานวนสองคนเป็น
�
ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการ 4
ี
�
มาตรา ๑๙ ให้คณะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการได้รับประโยชน์ตอบแทนตามท่กาหนด
5
ในพระราชกฤษฎีกา
�
ื
มาตรา ๒๐ เม่อศาลปกครองได้เปิดทาการแล้ว ให้ดาเนินการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒ ิ
�
ตามมาตรา ๕ (๒) ภายในหกสิบวันนับแต่วันเปิดท�าการศาลปกครอง
ี
ี
ั
ภายในสปีนับแต่พระราชบัญญัติน้ใช้บังคับให้ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เป็นผ้มีสิทธิทจะได้รบ
่
ู
่
ี
การคัดเลือกเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา ๕ (๒) ได้
มาตรา ๒๑ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
4 มาตรา ๑๘ วรรคสอง เพ่มโดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดอ�านาจหน้าท่ระหว่างศาล (ฉบับท่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
ิ
ี
ี
ี
5 มาตรา ๑๙ แก้ไขเพ่มเติมโดยพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยช้ขาดอ�านาจหน้าท่ระหว่างศาล (ฉบับท่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
ี
ิ
ี
ี
คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำานาจหน้าที่ระหว่างศาล ๓๓