Page 207 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 207
ดุลพาห
อาชญากรรมได้ และประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับแนวคิดดังกล่าว โดยออกกฎหมายมาใช้
ในการป้องกันอาชญากรรมกันโดยทั่วไปและเรียกกันว่า การป้องกันอาชญากรรมแบบเป็น
ทางการ (Formal)
ส่วนปัจจัยที่ทำาให้เกิดอาชญากรรมที่เกี่ยวกับสาเหตุทางร่างกายและจิตใจบกพร่องนั้น
แนวคิดทางอาชญาวิทยาเชื่อว่าจะต้องบำาบัดฟื้นฟูให้สาเหตุที่บกพร่องนั้นหมดไป จึงจะทำาให้
คนเป็นปกติ ไม่ทำาผิดขึ้น ดังนั้น การป้องกันก็จะต้องมีการรักษาเยียวยาให้สภาพร่างกายและ
จิตใจเป็นปกติ หายจากความบกพร่อง เช่น กรณีคนติดยาเสพติดให้โทษถือว่าเป็นผู้ป่วย ดังนั้น
ก็จะต้องบำาบัดรักษาให้สารที่อยู่ในร่างกายหมดไปจึงจะทำาให้ไม่หวนกลับไปเสพยาเสพติด
ให้โทษขึ้นอีก หรือถ้าสภาพร่างกายมีฮอร์โมนมากหรือน้อยเกินไปซึ่งจะทำาให้อารมณ์แปรปรวน
และทำาผิดได้ การรักษาก็ควรจะต้องหาแพทย์เพื่อปรับฮอร์โมนให้เกิดความสมดุล อารมณ์ก็จะ
ไม่แปรปรวน กลับคืนปกติได้ หรือถ้ามีสภาพจิตไม่ปกติก็ควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อบำาบัดรักษา
ให้เป็นปกติเช่นกัน เมื่อสภาพร่างกายและจิตใจปกติ คนเราก็จะไม่ทำาความผิดต่อไป สำาหรับ
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมสังคมที่เป็นสาเหตุทำาให้เกิดอาชญากรรมนั้น ในทางอาชญาวิทยามีทฤษฎี
ที่อธิบายไว้มากมายโดยเชื่อกันว่า สังคมสิ่งแวดล้อมเป็นสาเหตุที่ทำาให้คนกระทำาความผิด เช่น
การเลียนแบบ การตราหน้า หรือการคบค้าสมาคม เป็นต้น การป้องกันอาชญากรรมก็ต้อง
กำาจัดสาเหตุให้หมดไป โดยอาศัยกระบวนการหรือมาตรการทางสังคม (Social Control)
มาเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรม ซึ่งเรียกกันว่า การป้องกันอาชญากรรมแบบ
ไม่เป็นทางการ (Informal)
ด้วยเหตุดังกล่าว ในทางอาชญาวิทยาจึงได้สังเคราะห์ (Systhesis) หามาตรการ
ป้องกันอาชญากรรมโดยได้อาศัยการวิเคราะห์จากสาเหตุการเกิดอาชญากรรมดังที่กล่าวมา
ข้างต้น ซึ่งได้มาตรการป้องกันอาชญากรรมเป็น ๒ รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ รูปแบบไม่เป็น
ทางการ และรูปแบบเป็นทางการ โดยจะกล่าวรายละเอียดเป็นลำาดับไปในหัวข้อต่อไปนี้
**
๒. มาตรการในการป้องกันและควบคุมอาชญากรรมที่สำาคัญ มี ๒ แบบ คือ
(๑) มาตรการป้องกันและควบคุมอาชญากรรมอย่างไม่เป็นทางการ : เป็น
มาตรการทางสังคม โดยอาศัยกระบวนการและปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในสังคมเป็นเครื่องมือ
** ประจัน มณีนิล อาชญาวิทยา, ๒๕๓๘ หน้า ๑๐ – ๑๓.
196 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕