Page 11 - การพฒนาการหนงสออเลกทรอนกสเรองภาษาซ
P. 11
่
ี�
ื
�
�
ิ
ี�
ิ
่
ื
หนวยท1 ภาษาคอมพวเตอร์เบองต้น 6 หนวยท1 ภาษาคอมพวเตอร์เบองต้น 7
..................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................
3.ยุคของภาษาโปรแกรม 3) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation Language) ในยุคนี้ได้พัฒนารูป
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------- แบบภาษาให้มีความใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์ยิ่งขึ้น เรียกว่า ภาษาระดับสูง โดยนำากลุ่ม
คำาของภาษาอังกฤษมาใช้เป็นรูปแบบของการเขียน ช่วยให้โปรแกรมภาษาในยุคนี้มีรูปแบบ
ภาษาคอมพิวเตอร์ ได้ถูกพัฒนามาหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ยุคแรก การใช้ภาษายังมีความ คำาสั่งที่ง่ายต่อการเรียนรู้และเข้าใจ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ เป็นรูปแบบเชิง
ใกล้เคียงกับภาษาเครื่องคอมพิวเตอร์มาก เรียกว่า ภาษาระดับต่ำา(Low-level Language) แต่ กระบวนการ จะเขียนคำาสั่งเป็นขั้นเป็นตอนเรียงลำาดับ โดยผู้เขียนจะต้องจดจำารูปแบบคำาสั่ง
มีโครงสร้างและรูปแบบที่ยากต่อความเข้าใจของมนุษย์ ต่อมาได้พัฒนารูปแบบภาษาที่มีความ ต่าง ๆ จึงยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำาหรับการเขียนโปรแกรม ตัวอย่างภาษาในยุคที่ 3 เช่น ภาษา
ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ เรียกว่า ภาษาระดับสูง (High-level Language) สามารถจำาแนกยุค ซี ภาษาเบสิก ภาษาปาสกาล และภาษาฟอร์แทรน เป็นต้น ภาษาในยุคนี้จะมีตัวแปลภาษา 2
ของภาษาคอมพิวเตอร์ได้ 5 ยุค ดังนี้
ประเภท คือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)
1) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Language) ในยุคนี้จะสั่งงาน 4) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language) ภาษาในยุคที่ 3 มี
คอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเครื่อง เป็นภาษาที่สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง คำาสั่งในภาษา ความยุ่งยาก ซับซ้อน ในการออกแบบโปรแกรม จึงต้องการผู้ที่มีประสบการณ์สูงในการเขียน
เครื่องประกอบด้วยตัวเลขฐานสอง มี 0 กับ 1 เป็นสัญลักษณ์แทนสัญญาณไฟฟ้า เนื่องจาก โปรแกรมเหล่านั้น เพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด ไม่เหมาะกับนักเขียนโปรแกรมมือใหม่
เป็นรูปแบบภาษาที่สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง จึงไม่ต้องมีตัวแปลภาษา การเขียนชุดคำา จึงมีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะการเขียนที่
สั่งในยุคนี้นั้น จะมีความยุ่งยากในการเขียนเป็นอย่างยิ่ง ยุคนี้จัดอยู่ในกลุ่มภาษาระดับต่ำา
ไม่เป็นลำาดับขั้นตอน หรือไม่มีรูปแบบที่แน่นอน เพียงหยิบเอาปุ่มคำาสั่งต่าง ๆ มาวาง ผู้เขียน
โปรแกรมรู้เพียงว่าจะให้คอมพิวเตอร์ทำาอะไรบ้าง โดยไม่ต้องรู้ว่าทำาได้อย่างไร แต่เป็นหน้าที่
2) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Language) พัฒนามาจากยุคที่1 เมื่อ ของภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นมาจัดการแทน รูปแบบของภาษาคอมพิวเตอร์ยุคนี้ช่วยทำาให้
การเขียนคำาสั่งภาษาเครื่องทำาได้ยาก จึงได้พัฒนาโดยนำาสัญลักษณ์มาใช้แทนรูปแบบตัวเลข การเขียนโปรแกรมทำาได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วขึ้น เรียกว่า ภาษาระดับสูงมาก (Very-high-
ในภาษาเครื่อง เพื่อให้สามารถเขียนคำาสั่งได้ง่ายขึ้น ภาษาในยุดนี้ได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี แต่ level Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 นี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำางานด้วยตนเอง
คอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจความหมายของชุดคำาสั่งที่เขียนขึ้นด้วยรูปแบบภาษาแอสเซมบลี จึงต้องมี แต่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อนำาไปใช้ทำางานร่วมกับภาษาอื่น เช่น นำาภาษา SQL มาใช้ร่วมกับ
ตัวแปลภาษา เรียกว่า แอสเซมเบลอร์ เพื่อช่วยแปลคำาสั่งภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษา PHP เป็นต้น
เพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ ยุคนี้ก็ยังจัดอยู่ในกลุ่มภาษาระดับต่ำา 5) ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่
5 นี้ มีความใกล้เคียงกับภาษามนุษย์มากยิ่งขึ้น เรียกว่า ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)
ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียง เป็นการนำาระบบฐานความรู้มาช่วย โดยจะแปลความของคำาสั่ง
เพื่อทำาให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและจำาโครงสร้างของคำาสั่งเหล่านั้นไว้ ภาษาธรรมชาตินี้จะนำาไป
ประยุกต์ใช้กับระบบผู้เชี่ยวชาญ และระบบปัญญาประดิษฐ์ เช่น การพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีความ
สามารถในการทำางานเหมือนมนุษย์ และสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ การใช้เสียงเป็นรหัสผ่าน
ในการสั่งให้โปรแกรมที่กำาหนดไว้เริ่มทำางาน เป็นต้น