Page 169 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 169

101
มัวความสลัวที่เกิดขึ้นมาข้างหน้า กาหนดรู้การเปลี่ยนแปลงไป นี่คือหลักสาคัญว่า ตามกาหนดรู้ธัมมา- นปุ สั สนาสตปิ ฏั ฐาน ตามรสู้ ภาวธรรมทกี่ า ลงั ปรากฏเกดิ ขนึ้ อยวู่ า่ มคี วามเปลยี่ นแปลง มกี ารเกดิ ดบั อยา่ งไร เพราะฉะนั้นหลักของวิปัสสนากรรมฐานเลย เพื่อพัฒนาปัญญาให้เห็นถึงสัจธรรมที่จะทาให้พ้นจากทุกข์
เป้าหมายของการเจริญวิปัสสนาเพื่อพัฒนาปัญญาที่ออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้นการที่คนเราจะดับ ทุกข์ได้ ก็ต้องอาศัยปัญญาที่รู้ถึงความจริง สัจธรรมความจริงของรูปนามอันนี้ว่า เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา เมื่อเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา เราเห็นถึงความจริงใจตรงนี้ จะทาให้จิตเขาคลายอุปาทานโดยปริยายด้วย ตัวเขาเอง ความทุกข์จะลดลงจะน้อยลง ไม่ต้องไปหาไกลนะไม่ต้องไปหาไกล ที่บอกว่าเราไปไหนธรรมะก็ ติดตัวไปตลอด อย่างน้อย ๆ ก็มีรูปตามไปด้วย ตัวไปไหนไม่พาตัวไป ก็ไปแค่ความฝันไม่ต้องพาตัวไป แต่ จะไปไหนก็ตามรูปนามนี้เขาพาไปตลอด นั่นคือสภาวธรรมที่ตามไป
ทีนี้อารมณ์ทั้ง ๔ อย่างกับอิริยาบถทั้ง ๔ อิริยาบถทั้ง ๔ ในการเจริญกรรมฐาน สภาวะที่พูดมา ทั้งหมด กายเวทนาจิตธรรม ไม่ได้เกิดเฉพาะตอนที่เรานั่งอย่างเดียว ไม่ใช่เกิดเฉพาะตอนที่เรานั่งอย่าง เดียว ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอน อาการเหล่านี้ก็ปรากฏได้ ในอิริยาบถทั้ง ๔ สภาวธรรมเหล่านี้ก็เกิดได้ ถ้า เกิดได้ตลอดแล้วเราจะมีเวลาว่างไหมนี่นะ...ใช่ไหม ปฏิบัติธรรมแล้วสภาวธรรมเกิดตลอด จะมีเวลา ว่างไหม การที่เราเจริญสติต่อเนื่อง ไม่ว่างจากสตินี่นะ จะทาให้จิตว่างมากขึ้น เป็นเรื่องแปลกมาก แต่การ ที่เราปล่อยวาง ๆ ปล่อยวางแต่ว่าง สติจิตจะไม่ค่อยว่างนะ ถ้าปล่อยวาง สติและจิตจะไม่ค่อยว่าง แต่ถ้ามี สติต่อเนื่องตลอดอยู่เนือง ๆ จิตจะปล่อยวาง
เพราะอะไร เพราะปัญญาเกิดขึ้นจิตจะคลายจากอุปาทาน เข้าใจนะว่ามีสติอยู่ต่อเนื่องไม่ใช่ไป ยึดตลอดเวลานะ แสดงว่าสติอยู่ต่อเนื่อง แสดงว่าเราต้องยึดอันนี้ตลอด อันนี้หมดไปก็ต้องยึด คือการ กาหนดรู้ถึงอาการเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่เราไปยึดอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง แม้ตัวสติเองก็ไม่ยึด ต้องทาให้มากขึ้นอย่างเดียว ทาให้มากขึ้นแล้วเขาก็ทางานของเขา เขาจะทาหน้าที่ของเขาเอง ถ้าเรายึดอย่าง เดียวเดี๋ยวพัฒนาไม่ได้ เดี๋ยวก็ตามไป พอใจที่จะกาหนดรู้
เพราะฉะนนั้ ในทกุ ๆ อริ ยิ าบถ ยนื เดนิ นงั่ นอน กค็ วรทจี่ ะมสี มาธมิ สี ตเิ ขา้ ไปกา หนดรู้ จรงิ ๆ นะพดู กว้างแล้วนะ ยืนเดินนั่งนอน เราก็เดินก็ต้องเดินจงกรม พอเดินไปทานอาหารก็ปล่อยแล้ว พอเดินไปทาน อาหารก็ไม่มีสติกาหนดอาการเดินแล้ว แต่ถ้าเดินจงกรมตั้งใจมากเลย...จนเครียด เมื่อไหร่จะเห็นกาหนด ไม่ทัน ๆ เครียดมากเลย แต่พอเดินไปทานอาหารก็ปล่อย บางคนกาหนดตั้งใจกาหนด พอเดินจงกรมทา ไม่ได้เลย พอเดินธรรมดาโล่งสบาย อย่างนั้นไม่ต้องเดินจงกรมดีกว่า เลยรู้สึก...ฉันไม่เดินสบายกว่าเยอะ ถ้าเรากาหนดแบบนั้น เพราะเราพยายามมากไป
จริง ๆ แล้ว ที่เราเครียด เคร่งตึง พยายามจนแบบมีตัวตน มีความเป็นเรา ก็ไปอยากรู้อยากเห็น อยากให้มันเป็นอย่างที่เขาว่า แต่ต้องอยากเห็น อย่างที่เขาเป็นของเรา ที่เรากาลังเป็นอยู่ ไม่ใช่อย่างที่เขาว่า อย่างที่เขาว่าก็ต้องดับอย่างนี้นะ ต้องดับแบบนี้นะ...ไม่ได้ เพราะแต่ละคนไม่เท่ากัน เวลาเดินจงกรม เราก็ ต้องมีสติกาหนดรู้อาการเดิน ทีนี้ในอิริยาบถทั้ง ๔ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นตัวเชื่อมอย่างดี ก็คืออิริยาบถย่อย


































































































   167   168   169   170   171