Page 224 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 224
156
เวลาเราล้างจาน รู้สึกอาการเคลื่อนเขาเคลื่อนไปเบา ๆ หรือว่าฟึด ๆ ๆ จางหาย พลิ้วหาย วับหาย วับหาย รู้อาการแบบนี้ รู้อาการเกิดดับ ตรงนี้ต้องมีเจตนา ถ้าไม่มีเจตนาปุ๊บ เราจะรู้ว่าเดี๋ยวกาลังล้างจานอยู่ แล้ว ก็สังเกตกะพริบตาไหม สังเกตเสียงได้ยินไหม อันนั้นหลายอารมณ์ อารมณ์เยอะตรงนั้น สภาวะก็จะไม่ ชัดเจน แต่ถ้าเราเลือกทีละอาการแบบนี้ อาการเกิดดับของสภาวธรรมก็จะชัดเจนขึ้น อาการเกิดดับของ อาการอารมณ์ในอิริยาบถย่อยก็ชัดเจนขึ้น อันนี้คือยกตัวอย่าง
เพราะฉะนนั้ เวลาเรากา หนดอริ ยิ าบถยอ่ ย คา วา่ อริ ยิ าบถยอ่ ย ไมจ่ า เปน็ วา่ ในบลั ลงั กเ์ ดยี วเราจะรทู้ นั ทกุ ๆ อาการ เพยี งแตท่ เี่ ราตอ้ งรวู้ า่ เมอื่ มเี จตนาทจี่ ะกา หนดรปู้ บุ๊ พอเจตนาทกี่ า หนดรอู้ าการเคลอื่ นไหวของ ม อื ท ตี ่ อ่ เ น อื ่ ง ก นั อ า ก า ร เ ค ล อื ่ น ไ ห ว ข อ ง ม อื เ ก ดิ ด บั แ บ บ น ี ้ ๆ พ อ เ ส ร จ็ แ ล ว้ เ ป ล ยี ่ น ม า ร อ้ ู า ก า ร เ ด นิ ข ณ ะ ท เี ่ ร า เ ด นิ เรารสู้ กึ วา่ ขณะทเี่ ดนิ ไป สงั เกตอาการเดนิ เกดิ ดบั อยา่ งไร ใหเ้ ลอื กทลี ะอารมณ์ ทลี ะอยา่ งแบบนี้ สตกิ จ็ ะตอ่ เนอื่ งอยกู่ บั ปจั จบุ นั เปน็ ลกู โซไ่ ป ไมจ่ า เปน็ ตอ้ งวงิ่ ใหท้ นั ทกุ ๆ อารมณ์ ทกุ ๆ อาการ ใหเ้ ลอื กเปน็ อารมณ์ เลอื ก อารมณท์ ชี่ ดั ทสี่ ดุ นคี่ อื วธิ กี ารกา หนดอริ ยิ าบถยอ่ ย และถา้ เรามบี รรยากาศ หรอื จติ เรากวา้ งกวา่ ตวั ดว้ ยแลว้ เวลารอู้ ารมณท์ ลี ะอยา่ งนนี่ ะ คอื ทา ความเขา้ ใจนดิ หนงึ่ วา่ เวลาจติ เรากวา้ งกวา่ ตวั จติ กวา้ งกวา่ ตวั นนี่ ะ คลาย อปุ าทานไมม่ ตี วั ตน แตเ่ วลาโฟกสั อาการ คอื เรามงุ่ ไปทอี่ าการเกดิ ดบั ความวา่ งไมต่ อ้ งหว่ งนะ เดยี๋ วพอจะมงุ่ ไปทอี่ าการ เดยี๋ วความวา่ งหาย พอมงุ่ ไปทอี่ าการมนั แคบลงจติ แคบลง ความวา่ งนอี่ ยตู่ รงไหน...ไมต่ อ้ งหว่ ง
เพราะวิธีสังเกต สังเกตแบบนี้ว่า พอเราทาจิตให้กว้างปุ๊บ จิตเรารู้สึกเป็นอย่างไร เบา สงบ ตื่นตัว อันนี้คือจุดที่ต้องสังเกตนะ ถ้ารู้สึกว่าจิตเราเบาหรือสงบหรือตื่นตัว เวลาเข้าไปกับการกาหนดรู้อาการนี่นะ จิตที่สงบไปรับรู้อาการ ความรู้สึกที่สงบ หรือความรู้สึกเบาไปที่อาการปุ๊บ เรากาหนดด้วยจิตที่เบาที่สงบ อย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นจิตมันเบาสงบอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องห่วงบรรยากาศ เพราะอะไร ถ้าอาการนั้น ดับลง เห็นอาการเกิดดับที่เดินไปแล้วดับ ดับไป ๆ จิตที่สงบตามกาหนดรู้อาการเกิดดับ พอหมดปุ๊บนี่นะ พอกลับมา จิตจะเปลี่ยน บรรยากาศนี้จะชัดขึ้น เขาจะกว้างขึ้นเอง...สภาพจิตเรา เพราะการที่กาหนดรู้อยู่ กับอารมณ์ปัจจุบัน สติมีกาลังมากขึ้น สมาธิมีกาลังมากขึ้น พอกลับมาดูบรรยากาศเมื่อกี้นี้ เขาจะเปลี่ยน ไป เปลี่ยนเป็นดีกว่าเดิม เปลี่ยนเป็น...อาจารย์สรุปเองเดี๋ยวก็บอกว่าดีกว่าเดิม ดีแบบไหน อันนี้แล้วแต่นะ สงบกว่าเดิม เบากว่าเดิม ใสกว่าเดิม สว่างกว่าเดิม ตั้งมั่นมากกว่าเดิม นั่นคือสิ่งที่จะเปลี่ยนไป การที่มีสติ กาหนดรู้อารมณ์ปัจจุบันแบบนี้...นี่อย่างหนึ่ง
ทีนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า ในอิริยาบถย่อยจริง ๆ แล้ว การที่เราจะกาหนดอิริยาบถย่อยได้ทันและ ดีที่สุด ได้ทันหรือดีที่สุด นอกจากมีบรรยากาศรองรับ ที่เมื่อกี้นี้ที่บอกว่ากาหนดต้นจิต การกาหนดต้นจิต รู้ก่อนขยับ รู้ก่อนทา รู้ก่อนเคลื่อนไหว รู้ก่อนอ้าปาก รู้ก่อนที่จะพูดแต่ละคา รู้ก่อนที่จะพูดแต่ละคา ๆ ... ละเอียดมากนะ ก่อนที่จะพูดแต่ละคา ทาอย่างไรถึงจะ...นิ่ง อยากพูดหนอแล้วก็พูดต่อไป อยากพูดหนอ แล้วก็พูดคาหนึ่งประโยคหนึ่งออกไป ถ้าเราทาแบบนี้นะ ถ้ากาหนดต้นจิตแบบนี้บ่อย ๆ ไม่พูดดีกว่าหนอ จะได้แบบสบายกว่าเยอะ จริง ๆ แล้วช่วยได้เยอะเลย ใครชอบพูดนะกาหนดจิตต้นจิต พอพูดไม่ทันไม่พูด ดีกว่า พอกาลังจะพูดจบแล้ว คิดจบแล้ว พอกาลังจะพูดเอาอยากหนอ...ลืมแล้ว กลายเป็นว่าลืม ๆ ทาให้ เราสงบมากขึ้น...เห็นไหม นี่คือการกาหนดต้นจิต