Page 386 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 386

318
ไม่มีอะไร...แล้วเราก็หาอยู่ ตัวที่ทาหน้าที่หาอารมณ์นั่นแหละคือตัวจิต เพราะฉะนั้น คอยสังเกตดู เหมือน กับเรากลับมาดูตัวเอง ดูตัวเองที่กาลังหาอารมณ์หาอาการเกิดดับ กาลังหาอะไรอยู่ ? ใครเป็นคนหา ?
ก็คือตัวจิตเป็นตัวหา ที่มักใช้ว่าคาว่าเรากาลังมองหาอารมณ์ จริง ๆ ก็คือตัวจิตนั่นแหละ ตัวที่หา อารมณ์ตัวเขาเองที่เราต้องสังเกต เพราะจิตสามารถทาหน้าที่รู้ทั้งอารมณ์อื่นและรู้ตัวเองด้วยในตัว เพราะ ฉะนั้น จึงสามารถดูตัวเองได้ว่าเขาเกิดแล้วดับไหม เกิดดับอย่างไร เขารู้ค้างอยู่อย่างนั้นหรือเปลี่ยนไป เรื่อย ๆ ๆ ลองสังเกตดี ๆ ตรงนี้ต้องใช้สติพิจารณาให้แยบคาย อย่าคิดว่า อ๋อ! แค่นี้ หรือทาไมไม่เห็น ทาไมไม่รู้สึก แต่ทาไมไม่รู้สึกกลับรู้สึกไม่พอใจในความไม่รู้สึกนั้น ตรงนั้นแหละสภาวะใหม่ที่เกิดขึ้น จิต ดวงใหม่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ลองสังเกตดี ๆ นี่แหละคือการดูจิตในจิต
บางทีเขาจะมาแบบละเอียด ไม่มีรอยต่อว่าเกิดตอนไหนดับตอนไหน รู้แต่รู้สึกว่ามีแล้ว มีแล้ว มีแล้ว... นั่นก็คือการมีอยู่ ตรงที่ “มีแล้ว” นี่ เป็น “มี” ของใหม่หรือของเก่า ? ก็สามารถสังเกตได้ว่าที่มี อยู่แล้วเป็นของใหม่หรือของเก่า ถ้าเป็นของใหม่ ลองสังเกตดูว่า ระหว่างของใหม่กับของเก่าเขามีรอยต่อ ตรงไหน ? ถ้าไม่เห็น ไม่ใช่ว่าเขาไม่มี แต่สติของเรามีกาลังพอที่จะเห็นไหม นั่นคือสิ่งที่ต้องใส่ใจสังเกตให้ดี ถึงสภาวธรรมที่กาลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่เรานั่งกรรมฐาน มักจะมีอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งปรากฏ ให้เราได้เห็นได้รู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความผ่องใส เป็นความว่าง เป็นความมั่นคง เป็นความหนักแน่น เป็นความหนาแน่น เป็นความสุข หรือโล่ง ๆ กลวง ๆ นั่นก็คือสภาวธรรม
เพราะฉะนนั้ การดจู ติ ในจติ ไมใ่ ชแ่ คร่ วู้ า่ สขุ ไมส่ ขุ แคน่ นั้ เอง จงึ ใหส้ งั เกตใหด้ ี ไมง่ นั้ เรากร็ แู้ ตว่ า่ ไมม่ ี อะไร ความไม่มีอะไรดีอย่างไรก็ไม่ได้พิจารณา ความไม่มีอะไรนั้นคืออะไร ? คาว่า “ไม่มีอะไร” นั้น ต้อง บอกให้ได้ รู้สึกไม่มีอะไรเลย มันว่างไปหมด ตัวว่างไปหายไป ความคิดหมดไปหายไป เวทนาหายไป หรือ วา่ ยงั มเี วทนาอยู่ ความคดิ กส็ ลบั เขา้ มาเปน็ ระยะ แคไ่ มม่ อี าการเกดิ ดบั ทเี่ คยเหน็ เทา่ นนั้ เอง ตรงนตี้ อ้ งสงั เกต ดี ๆ อย่ามองข้ามอารมณ์ปัจจุบันที่กาลังปรากฏให้รับรู้ บางทีเวทนาเกิดขึ้นมา อย่าคิดว่าเวทนาเล็กน้อย ไมส่าคญั ไมม่สีภาวะอะไรใหด้ใูหร้ใู้หเ้ขา้ไปกาหนดมแีตเ่วทนาอยา่งเดยีวกก็าหนดเวทนานนั้แหละไมต่อ้ง ไปกาหนดอะไร! ถึงแม้จะเบาบางแค่ไหนก็ตาม นั่นคืออารมณ์ปัจจุบัน นั่นคืออารมณ์ที่ชัดที่สุดในขณะนั้น
การที่เราให้ความสาคัญกับทุก ๆ อารมณ์ที่กาลังปรากฏชัดอยู่เฉพาะหน้า ไม่ว่าจะเบาบางแค่ไหน ก ต็ า ม จ ะ ท า ใ ห ส้ ต เิ ร า อ ย ก่ ู บั ป จั จ บุ นั ม คี ว า ม ช ดั เ จ น ม คี ว า ม ต งั ้ ม นั ่ ก า ร ป ฏ บิ ตั เิ ร า จ ะ พ ฒั น า ข นึ ้ ไ ป ส ภ า ว ธ ร ร ม ที่ยังไม่เคยปรากฏก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็น สภาวธรรมที่ปรากฏแล้วก็จะยิ่งชัดมากขึ้น ว่าต่อจากนั้นเขา จะเป็นอย่างไรอีก และส่งผลต่อสภาพจิตใจอย่างไร แล้วจะได้รู้ว่าเราต้องใช้กาลังของสติสมาธิมากแค่ไหน ถึงจะเข้าถึงสภาวธรรมที่ละเอียดมากกว่านั้นได้ ไม่ใช่เรากังวลว่า ทําไมเรําไม่มีพลัง ทําไมเรําไม่มีพลัง... หรือทําไมสติเรําไม่มีกําลังพอที่จะเห็นอํากํารนั้นได้
การเพมิ่ กา ลงั สติ คอื การใสใ่ จ การตงั้ ใจ ทเี่ ขา้ ไปกา หนดรู้ และทกุ ๆ อาการทเี่ กดิ ขนึ้ เปน็ สภาวธรรม ที่ย้าเสมอว่า ทุก ๆ อาการที่เกิดขึ้น ทุก ๆ อารมณ์ที่จิตเข้าไปรับรู้ คือสภาวธรรม เพราะอะไร ? เพราะเป็น ธรรมชาตขิ องเขา เพราะฉะนนั้ ในการเจาะสภาวะ จงึ ตอ้ งพอใจเขา้ ไปกา หนดใหช้ ดั ถงึ อารมณท์ กี่ า ลงั ปรากฏ


































































































   384   385   386   387   388