Page 466 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 466
398
ดับอย่างไร อย่างเช่น พอนั่งไป ตามกาหนดรู้อาการของลมหายใจไป รู้อาการเต้นของหัวใจไป แล้วมีเวทนา ขึ้นมา นั่นเวทนาขันธ์ประกาศตัวเองเกิดขึ้นมาแล้ว เวทนาขันธ์แสดงตนขึ้นมาว่า นี่...หน้าตาเป็นอย่างนี้ มี ขนาดนี้ มีอาการปวดนิดหน่อยมีอาการชา ๆ
ลองดูสิพิจารณาดู เดี๋ยวก็ปวดเป็นแผ่นเป็นแท่งเป็นก้อนขึ้นมา ก็คือเวทนาประกาศตัวเองว่า นี่... กา ลงั มเี วทนาปรากฏขนึ้ มา แลว้ ถา้ เราไปยดึ วา่ เปน็ ของเรา เวทนานนั้ เปน็ ของเทยี่ งเปน็ ของเรา ถา้ คดิ อยา่ งนนั้ ลองดวู า่ จติ ใจเปน็ อยา่ งไร ถงึ แมว้ า่ ขณะเวทนากา ลงั เปลยี่ นแปลงอยู่ เกดิ ดบั อยู่ แลว้ คดิ วา่ มนั ไมเ่ ปลยี่ นแปลง เวทนาไม่เปลี่ยนไปเลย มีแต่แรงขึ้น ๆ ๆ นั่นกลายเป็นว่าเราเข้าใจผิดว่าเวทนาไม่เปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่ เขาเปลี่ยนแปลงว่าปวดมากขึ้น ๆ อันนั้นอย่างหนึ่ง แล้วที่ปวดมากขึ้น ๆ ทาไมถึงปวดมากขึ้น ไม่เป็นตาม ความอยากของเรา ไมน่ า่ จะปวดแบบนี้ ไมค่ วรจะปวดแบบนี้ อยา่ ปวดเลยแบบนนี้ ะ ฉนั ทนไมไ่ ด้ มนั ทรมาน สั่งให้เขาหยุดได้ไหม ก็ไม่ได้อีก นั่นคือเวทนาขันธ์ แล้วเขาประกาศตัวเป็นอย่างนั้นสั่งไม่ได้ บอกให้หยุด... ห ย ดุ ไ ม ไ่ ด ้ เ พ ร า ะ อ ะ ไ ร น นั ่ ค อื เ ป น็ อ น ตั ต า บ งั ค บั บ ญั ช า เ ข า ไ ม ไ่ ด ้ แ ต เ่ ป น็ ไ ป ต า ม เ ห ต ปุ จั จ ยั เ พ อื ่ ใ ห เ้ ร า ไ ด ศ้ กึ ษ า เพื่อให้เราพิจารณา
ทนี สี้ งั เกตอะไร กส็ งั เกตแบบเดยี วกนั กา หนดรแู้ บบเดยี วกนั เวทนาขนั ธ์ รปู ขนั ธ์ กบั จติ ทที่ า หนา้ ที่ รู้ยังเป็นคนละส่วนกัน แล้วเวทนาขันธ์ที่กาลังปรากฏ กับจิตที่ทาหน้าที่รู้เขาเป็นส่วนเดียวกันไหม อยู่ที่ เดียวกันไหม หรือว่าอยู่ห่างกันก็ได้ อยู่ใกล้กันก็ได้ ให้ใจรู้กว้างกว่าเวทนาก็ได้ ใจรู้ไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เวทนา มันอยู่ตรงนี้ ใจรู้ไปแยกที่อื่นได้ เราเห็นอย่างนั้น แล้วยึดเวทนาเป็นของเราหรือเปล่า ไม่ต้องยึดเป็นของ เรา ๆ แต่อานิสงส์เมื่อเห็นชัดถึงความเป็นคนละส่วน อานิสงส์ของเวทนาที่เกิดขึ้นมา ว่าเขามีประโยชน์ไหม เวทนาที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นสภาวธรรมที่เกิดขึ้น เพื่อให้เราศึกษา ให้เราพิจารณาถึง ความเป็นจริงของขันธ์ ของขันธ์ ๆ หนึ่ง ในขันธ์หนึ่งของขันธ์ ๕ เป็นเวทนาขันธ์
แตก่ ารพจิ ารณาเวทนาขนั ธ์ การทเี่ รามเี จตนากา หนดรถู้ งึ การเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยดู่ บั ไป พอสตริ ชู้ ดั แบบนี้ ไม่เข้าไปยึดว่าเป็นของเรา ไม่หงุดหงิด ไม่ราคาญ ไม่อึดอัด ทาหน้าที่ของตนไป แยกกายแยกเวทนากับจิต ออกจากกัน แต่พิจารณาอาการพระไตรลักษณ์ รู้การเปลี่ยนแปลง รู้การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของเวทนานั้น รู้ความไม่เที่ยง ที่บอกว่าเวทนามีอานิสงส์ มีอานิสงส์อย่างไร การที่เรากาหนดรู้เวทนาให้ชัดเจน เริ่มเรียนรู้ ศกึ ษาทา ความเขา้ ใจใหถ้ อ่ งแท้ เวทนาทเี่ กดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ เวทนาแบบไหน ดว้ ยเหตอุ ะไรกต็ าม กค็ อื เวทนา
เวทนาเหล่านี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่ง ถ้าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นตัวเราเป็นเวทนาของเรา มาบีบคั้นจิตใจเรา ทาให้จิตเกิดมีความขุ่นมัวเศร้าหมองมีกิเลสขึ้นมา ก็ปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา เวทนาทางกายเกิดขึ้นมาก็ ปรุงแต่งไปต่าง ๆ นานา ทาให้จิตขุ่นมัวเศร้าหมองเป็นทุกข์ เพราะอะไร เพราะความไม่รู้นั่นแหละ ไม่รู้ว่า เวทนาเขาทาหน้าที่ตามปกติของตนเองอย่างนั้น ไม่ใช่เรา ไม่มีเราไม่มีเขา เพราะถ้าเป็นเราก็คงไม่ให้เกิดขึ้น ได้ขณะนั้น คืออย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งคือเวทนาที่เกิดขึ้นมา ถ้าเรากาหนดรู้ชัดที่เป็นตามสภาวธรรม ที่พระพุทธองค์ตรัส ทรงแสดง คือเวทนาเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คือเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็คือเวทนา