Page 485 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 485
417
ของเรา อัตตาเกิดขึ้นก็ดับเร็วด้วย เมื่อไรก็ตามที่เราใส่ใจ เพราะฉะนั้น การที่เราใส่ใจอาการเกิดดับตรงนี้ นี่เป็นเหตุ เป็นเบื้องต้นที่จะละอกุศล เป็นการตัดวงจรของอารมณ์ต่าง ๆ
สังเกต เปรียบเทียบง่าย ๆ เมื่อไรก็ตาม สมมุติว่ามีความโกรธ โกรธ ๑ ชั่วโมง ความคิดช่วงที่โกรธ ๑ชวั่โมงเราคดิได้เยอะแค่ไหน...มากเลยนะตรงนเี้ขาเรยีกอะไรเปน็มโนกรรมเหน็ไหมความคดิว่าจะทา อย่างนั้น ทาอย่างนี้ แล้วก็ฝังอยู่ในใจของเรา มโนกรรม ถ้าคิดไม่ดี แล้วฝังอยู่ในใจ กลายเป็นอะไร ความ เคียดแค้น การจองเวร กรรมที่สั่งสมอยู่ในใจของเรา พอคิดแบบนี้ ถ้าไม่คิดละ ไม่คิด...ปล่อยวาง แล้ว เป็นการสั่งสมเคียดแค้น สุมอยู่ในใจเรามากขึ้น...แล้วชอบ
พอคิดแบบนี้ปึ้บ สิ่งที่ตามมากลายเป็นอาวุธ เป็นอะไร เป็นอุปนิสัย ความเคยชิน ชอบใช้อารมณ์ ในการทา เวลามีผัสสะขึ้นมา ต่อไปก็ใช้อารมณ์ก่อน ใช้อารมณ์ก่อน กลายเป็นว่า เป็นอุปนิสัย เป็นวาสนา แล้วตรงนี้ พออาศัยอารมณ์กิเลสก่อนแบบนี้ปึ้บนี่นะ ต่อไปถ้าเกิดอีก จะใช้อะไร ก็ใช้โทสะ เขาเรียกว่า พอสั่งสมอยู่ในจิตใจลึก ๆ เขาเรียกเป็นอนุสัย พอเป็นอนุสัย กลายเป็นอะไร...จิตใต้สานึก หลังจาก... นอกจากจิต จิตใต้สานึก เป็นอะไร...สันดาน โอ้โห! แน่นเข้าไปอีกนะ อืม! ฝังแน่น พอเกิดแบบนี้ เป็นไป บ่อย ๆ แล้วก็ไปเกิดในชาติหน้า กลายเป็นจริต
เป็นบารมี ถ้าความดี เราเรียกบารมี ที่สั่งสมบารมีความดีเกิดขึ้นมา แล้วก็ส่งผลในภพชาติต่อไป แล้วความไม่ดี ทาไมเราไม่เรียกว่าบารมี เพราะมันไม่เต็มนะ มันพร่องไปเรื่อย ๆ บารมี เขาเรียกความเต็ม ความบริบูรณ์ ความสมบูรณ์แห่งความดี ก็เลยเรียกว่าบารมี เพราะฉะนั้น นี่คือคนเรา พอกลายเป็นแบบนี้ เกดิ มาจงึ เปน็ ...เขาเรยี กวา่ เปน็ ผมู้ โี ทสะจรติ เคยเหน็ ไหมรอบ ๆ ตวั เรานนี่ ะ คนทมี่ โี ทสะจรติ ยงั ไมฟ่ งั อะไร หงุดหงิดไว้ก่อนแล้ว ได้ยินอะไร คือหงุดหงิดไว้ก่อน ใช้อารมณ์ไปก่อน
ถามว่า เขาเพิ่งสั่งสมในชาตินี้ หรือเกิดมาตงั้ แต่เกิดแล้ว เพราะตั้งแต่เด็ก ๆ ก็จะมักเอาแต่ใจ กลาย เป็นคนเอาแต่ใจ แล้วก็จะเป็นคนชอบใช้อารมณ์เป็นตัวตั้ง นี่คือการสั่งสมแบบนี้นี่แหละ สังเกตไหม เริ่ม ต้นจากการชอบคิดในเรื่องไม่ดี แล้วเห็นอะไร แล้วไม่ยอมปล่อยวาง ไม่ละ ไม่ให้อภัย ไม่ตัดนี่นะ ก็กลาย เป็นการจองเวร การผูกเวรต่อกัน เป็นกรรมต่อกันต่อไป หมุนไป วนไป ไม่มีจุดเริ่มต้นไม่มีที่สิ้นสุด เพราะ ฉะนั้นนี่ การตัดวงจรของปฏิจจสมุปบาท จึงเป็นสิ่งสาคัญ
แตท่ นี เี้ ราลองพจิ ารณาดวู า่ ใครทเี่ คยรสู้ กึ วา่ เคยโกรธประมาณ ๑ ชวั่ โมง แลว้ คดิ แบบนี้ ตอนนจี้ าก ๑ ชั่วโมง เหลือ ๕ นาที ถามว่าความคิดตรงนั้นเป็นอย่างไร สั้นลงไหม น้อยลง ความทุกข์ลดลง ๆ นี่คือ การเริ่ม ค่อย ๆ ตัด เพราะฉะนั้นอันที่จริงแล้วนี่นะ พอเรามีสติ รู้อาการเกิดดับของอารมณ์ตอนนี้เรื่อย ๆ นี่นะ โดยเฉพาะการกาหนดรู้ความเป็นคนละส่วน ระหว่างรูปกับนาม กายกับจิต เราเริ่มต้นด้วยการสังเกต กายอันนี้กับจิตตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกัน เขาเรียกรูป กายนี้เป็นรูป เป็นคนละส่วนกัน
ทนีนี้อกจากกายเราจติของเรากับอารมณภ์ายนอกกบักายของคนอนื่เป็นสว่นเดยีวกนัหรือคนละ ส่วนกัน...คนละส่วน จิตของเรากับเสียงที่ได้ยิน เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน...คนละส่วน ตรงนี้