Page 503 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 503

435
หนัมองคนนี้จติไปรเู้ขาดบัแบบนี้พอไปมองเสาปบ้ึ จติทไี่ปรทู้เี่สาดบัอยา่งไรพอไปมองภาพอนื่ที่เดนิมา... เข้าไป จิตไปกระทบปึ้บ จิตเราดับอย่างไร รู้อาการเกิดดับ เขาเรียกว่า ดูอาการเกิดดับของการเห็น
การเกิดดับของการเห็นรูป จิตที่ไปเห็นรูป ทาหน้าที่เห็นแล้วก็ดับไป ทาหน้าที่เห็นแล้วดับ จิตดวง ใหม่ขึ้นมา จิตดวงนี้ดับไป จิตดวงใหม่เกิดขึ้นมาเพื่อทาหน้าที่รู้ใหม่นี่นะ ดูว่าจิตดวงใหม่ขึ้นมารู้สึกอย่างไร นะ เขามีกาลังมากขึ้น มีความตั้งมั่นขึ้น ใสขึ้น เพราะฉะนั้นในชีวิตประจาวัน ในอิริยาบถย่อยนี่นะ เรามอง อะไรก็ตาม รู้ทีละจุด ทาแบบนี้ ตรงนี้ใช้น้อย
อาจารย์สอนบ่อยมากนะ เท่าที่จาได้นะ เท่าที่จาได้นี่นะ บอกยกขึ้นมา อ่ะ! เห็นไหม จิตรู้ดับไหม แต่เวลาโยคีไปปฏิบัติ กลับมาก็จะไม่ค่อยเล่าว่า เอ่อ! พอไปทาที่อาจารย์บอกแล้ว เห็นมันดับ ๆ ๆ แล้วผล ที่ตามมาเป็นอย่างไร มีแต่เห็นบ้าง กลับไปเห็นบ้าง ทันบ้างไม่ทันบ้าง ไม่ได้ส่งผลว่า เอ่อ! ทาแล้ว...เห็นว่า เกิดดับแล้วเป็นอย่างไร จิตมันตื่นตัวขึ้นนะ มีแต่เห็นบ้างไม่เห็นบ้าง อันนี้อย่างหนึ่งที่พูดเมื่อเช้าว่า การที่ เราบอกว่าเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง ไม่บอกก็รู้ว่า เห็นบ้างไม่เห็นบ้างนะ
คือที่ต้องรู้ก็คือว่า เวลากาหนดทันเห็นแบบนี้แล้ว ส่งผลสภาพจิตเป็นอย่างไร จิตมีความตื่นตัวขึ้น ตั้งมั่นขึ้นไหม แต่เราจะรู้ว่า เอ่อ! วันนี้ได้เท่านี้ วันถัดไป...การที่สนใจอาการนี้มากขึ้น สภาพจิตเปลี่ยนเป็น อยา่ งไร สมมตจิ ติ ใสขนึ้ ยงิ่ เบามากขนึ้ โลง่ กวา่ เดมิ พอสงั เกตอาการนเี้ ปลยี่ นไปอกี การทไี่ ปเหน็ ภาพตอนนี้ จริง ๆ แล้ว ก็เหมือนกับเห็นแล้วเมื่อกี้นี้ เห็นแล้ว...จิตมันจะไปชนกระทบแล้วแว็บดับ ต่อไปถ้าจิตว่างมาก ขึ้น เขาชนแล้วแว็บดับอีกไหม นี่คือความเปลี่ยน เขาจะต่างจากนี้อีก เพราะฉะนั้นคือ กาหนดรู้ในลักษณะ อย่างนี้ต่อเนื่องไป อิริยาบถย่อย...อันนี้คือ ใช้ในอิริยาบถย่อย ในอารมณ์ทั่วไป
แต่เวลาเรานั่งกรรมฐาน นั่งกรรมฐานนี่นะ อย่างที่บอกเมื่อกี้นี้ เวลาเรานั่งกรรมฐานปึ้บ ก็ต้องว่าง แล้วนิ่ง สังเกตอาการที่ปรากฏเฉพาะหน้า...ให้ชัดนะ รู้ว่ากาหนดอะไร พวกเรานี่...ปฏิบัติ สภาวะมีบ้างไม่มี บ้างเนอะ ส่วนใหญ่ก็สภาวะมี แต่ไม่รู้ว่ามี เอ่อ! มีแต่ความว่าง มีแต่มืด ๆ มีแต่สลัว ๆ คิดว่ามันไม่มีอะไร เหมอื นไมม่ สี ภาวะใหด้ เู ลย มแี ตค่ วามงว่ งอยา่ งเดยี ว อนั นกี้ ม็ ี เพราะฉะนนั้ คอื จรงิ ๆ แลว้ เมอื่ กอ่ นอาจารย์ ก็ไม่รู้ คือโดยทั่วไปเรามักจะไม่รู้ว่า ความง่วงคือสภาวะ พอนั่งแล้วง่วง นั่งแล้วจะหลับ นั่งแล้วจะหลับ
เอ่อ! ท่านแม่ครูถามว่า แล้วความง่วง สังเกตไหมความง่วงอยู่ตรงไหน มีลักษณะอย่างไร เราก็ เลย เอ่อ! ความง่วงมีลักษณะอย่างไร อยู่...เกิดตาแหน่งไหน อ้าว! ต้องสังเกตด้วยเหรอ สภาวะง่วงจนไม่ เห็นอะไร ก็ความง่วงมันเริ่มเกิดขึ้นมาปึ้บ เราก็กาหนดความง่วงสิ เราทาจิตให้ว่างได้ ขยายจิตให้กว้างได้ เข้าไปกาหนดความง่วง ทาซ้า ๆ ๆ ๆ ขยายอยู่อย่างนั้นแหละ จนเห็นชัดว่า ความง่วงไม่ใช่เจ้าบ้านเรา ไม่ใช่ เจ้าของบ้านนี่นะ มันมาเป็นพัก ๆ นะ มาแล้วพอกาหนดไปก็หาย
เพิ่มความเด็ดขาดให้ตัวเอง เพิ่มความเด็ดขาดเข้าไป สลัดความง่วงให้ได้นะ ตื่นขึ้นมางัวเงียทา อย่างไร ตื่นขึ้นมาถ้างัวเงีย สลัดความงัวเงียนะ สลัดแบบไหนแล้วแต่ เอ่อ! จะสะบัดหน้า จะอะไรก็แล้ว แต่ ก็จริง ๆ แล้ว สลัดความรู้สึกที่งัวเงีย จริง ๆ พอเราสลัด เพิ่มความตั้งมั่นที่จะรู้อะไรให้ชัด ที่จะเปลี่ยน


































































































   501   502   503   504   505