Page 538 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 538

470
ทกุ ขลกั ษณะเกดิ ขนึ้ แลว้ ไมส่ ามารถตงั้ อยอู่ ยา่ งนนั้ ตลอดไปได้ เกดิ ขนึ้ แลว้ ตอ้ งดบั ไป มแี ลว้ หมดไป แล้วเขาก็ทาหน้าที่ จะมีเราหรือไม่มีเรา เวทนาก็ทาหน้าที่ของตน จะมีเราหรือไม่มีเราเป็นผู้รับ เราเป็นผู้รู้ ไม่ไปยึดเอาเวทนามาเป็นของเราก็ตามแต่ เขาก็ทาหน้าที่ของเขาไป ตรงนี้แหละ การที่กาหนดรู้จะเห็นว่า เวทนาสักแต่ว่าเวทนา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เวทนากาลังเป็นไปตามเหตุปัจจัย ทีนี้ อย่างที่เคย บอกแล้วว่า พอเห็นแบบนี้ไม่มีตัวตน เราได้ประโยชน์อะไรจากเวทนา มีประโยชน์อะไร
ตรงนี้คือจุดหนึ่งนะ พอเห็นแบบนี้ปึ๊บ เอ่อ! เราไม่ยึดเวทนา จิตใจรู้สึกสงบ รู้สึกสบาย ไม่หนักไม่ อึดอัด แล้วก็รู้ว่าปวดมากนะ แต่ไม่อึดอัดกับเวทนานั้น นี่คือมีแต่ทุกขเวทนาทางกายที่ปรากฏขึ้นมา แต่ ทุกข์ทางใจไม่เกิด ทุกข์ทางใจไม่เกิด ที่นี้ประโยชน์ที่จะตามมาอีกก็คือว่า พอเราสังเกตเวทนาที่เกิดขึ้นอยู่ ในที่ว่าง ๆ จริง ๆ แล้ว ถ้ากาหนดรู้แบบนี้ ลองดูว่าเวทนาที่เกิดขึ้น บริเวณหัวเข่าที่ไม่มีรูปร่างของตัวนี่นะ เขาแค่เกิดขึ้นอยู่ในที่ว่าง ๆ หรือเกิดขึ้น อยู่ท่ามกลางความว่างและสงบ
พอรู้อาการเกิดดับของเวทนาไปเรื่อย ๆ นี่นะ รอบ ๆ เวทนา เป็นอย่างไร รู้สึกว่าเขาสงบขึ้น จิตเรา ตั้งมั่นขึ้น ตื่นตัวขึ้นไหม...ที่รู้ไป ตรงนี้แหละ แทนที่จะอยู่ในที่ว่าง ๆ อย่างเดียว พอเห็นเวทนาเกิดอยู่ใน ความสงบ จติ ยงิ่ มกี า ลงั เขม้ แขง็ แขง็ แรงมากกวา่ เดมิ อกี จติ ตงั้ มนั่ กวา่ เดมิ ตรงนแี้ หละ ทเี่ ราจะไดป้ ระโยชน์ มากขึ้น รู้ว่าเวทนาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ยิ่งเห็นถึงความเป็นธรรมชาติของเวทนา ที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แล้ว จิตยิ่งมั่นคง ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวกับอารมณ์นั้น
ทนี สี้ งิ่ ทโี่ ยคจี ะตอ้ งสงั เกต สงิ่ ทผี่ ปู้ ฏบิ ตั จิ ะตอ้ งใสใ่ จ กค็ อื วา่ ในเมอื่ เวทนานนั้ เกดิ อยใู่ นทวี่ า่ ง ๆ แลว้ เกิดแล้วดับอย่างไร เกิดแล้วแว็บหาย เกิดแล้วกระจายบานออกไป บานออกไปหาย หรือแว็บหาย ๆ ทีนี้ ถ้าเกิด...สมมติว่า ยกตัวอย่าง สมมติว่าใครที่เห็นว่า เวทนาเกิดในที่ว่าง ๆ แล้วแว็บหาย ให้สังเกตว่า แล้ว จิตที่ไปรู้เวทนา จิตที่ไปรู้เวทนา จิตที่ไปรู้อาการเกิดดับของความปวด เวลาเขาแว็บหายแต่ละครั้งนี่นะ จิต ไปรู้หายไปด้วยไหม ดับไปด้วยไหม รู้แล้วดับไป ตรงนี้ ทาไมถึงต้องสังเกต เพราะพระพุทธเจ้า...จิตแต่ละ ดวง เกิดขึ้นมารับรู้แต่ละขณะอารมณ์เดียว จิตดวงหนึ่งรับรู้อารมณ์เดียว แล้วก็ดับไป แล้วก็เกิดใหม่ จิต ดวงใหม่เกิดขึ้นมารู้ใหม่ แล้วก็ดับไป ชั่วขณะลัดนิ้วมือเดียว เกิดแสนโกฎดวง
เกดิ ทกุ ขณะ ๆ แลว้ เรากจ็ ะเหน็ วา่ อนั ไหนบา้ งทบี่ อกวา่ เปน็ เรา ตวั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ บู้ อกวา่ เปน็ เราไหม หรอืเปน็แคจ่ติขนึ้มารบัรแู้ลว้กด็บัไปลองดสูวิา่ถา้เหน็วา่จติดวงนดี้บัไปจติดวงใหมข่นึ้มาจติดวงนดี้บัไป จิตดวงใหม่ขึ้นมา จิตดวงใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร เป็นอย่างไร...อันนี้ต้องสังเกต ใสกว่าเดิม ผ่องใสกว่า เดิม สะอาดกว่าเดิม สว่างกว่าเดิม ตรงนี้แหละจะเห็นว่า เขาเรียกว่าจิตประภัสสร จิตขณะแรกที่เกิดขึ้น จิต ที่มีความผ่องใส ไม่ใช่...ตอนที่เราเพิ่งเกิดจากท้องแม่ พอเราเกิดขึ้นมาก็ร้องไห้ ไม่รู้ผ่องใสตรงไหน เพียง แต่ยังไม่รู้เรื่ออะไรแค่นั้นเอง
แต่วิถีจิตที่เกิดแล้วดับ ดับแล้วเกิดใหม่อันนี้แหละ คือขณะจิตหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาดับไป ตรงนี้จึง เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติจะต้องใส่ใจ เห็น...สังเกตให้ต่อเนื่อง แล้วจะปรากฏเอง จะเห็นเองว่า...ความพิสดารของ ธรรมะ การดูเวทนา การรู้อาการเกิดดับของเวทนา ของจิตที่รับรู้ถึงเวทนา เพราะฉะนั้น เวทนาที่เกิดขึ้นจึง


































































































   536   537   538   539   540