Page 536 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 536
468
จากที่เป็นเส้นเป็นคลื่นเบา ๆ กลายเป็นฝอย ๆ เป็นละอองกระจายไปบางไป พอมาดูที่ตัว บางครั้งจะรู้สึก ว่ามือค่อย ๆ ลอย มือก็จางไปหายไป บางคน บางขณะรู้สึกว่าขาหายไป ตัวหายไป เหลือแต่ส่วนบน เหลือ จากคอหรือศีรษะ พอรู้ไปอีก...การเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนตัวหายหมด เหมือนอย่างที่เราเล่าสภาวะกัน
บางคน โยคบี างคนรสู้ กึ วา่ ตวั หายไป กลบั มาหาตวั ไมเ่ จอ หาตวั ไมเ่ จอ เหน็ ไหม ไมใ่ ชล่ มื แตห่ าไมเ่ จอ อันนี้สาคัญมาก ๆ ทาไม...ถึงไม่ลืมแล้วถึงหาไม่เจอ ตรงนี้เพราะจิตเราคลายจากอุปาทาน ไม่ใช่ว่าเราจาไม่ ได้...จาได้ แต่จิตเขาคลายอุปาทาน เขาว่าง จึงบอกว่าสภาวธรรมอันนี้เกิดขึ้น บอกอะไรกับเรา สภาวธรรม ที่เกิดขึ้นนี้ บอกอะไรกับเรา กาลังประกาศถึงความว่างเปล่า เราเคยได้ยินคาว่าสุญญตาใช่ไหม คาว่า สุญญตา ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน อันนั้นคือเป็นอนัตตา
แต่ความว่าง...รูปนี้เป็นของว่างเปล่า ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสารที่ให้เราเข้าไปยึดเป็นสรณะได้เลย ถึง เวลาแล้วเขาก็เปลี่ยนไป เป็นของว่างเปล่า พอละโลกนี้ ก็จะว่างแบบนี้แหละ ตรงนี้แหละธรรมะ ถึงบอกว่า เรายดึ ไมไ่ ด้ ไปยดึ วา่ เปน็ กลมุ่ กอ้ น เปน็ ของเราตลอดไมไ่ ด้ เดยี๋ วเขากเ็ ลอื นไปวา่ งไป สภาวธรรมตรงนี้ กา ลงั ประกาศตัวเองแบบนี้ บอกเราแบบนี้ แล้วที่เราทุกข์ เวลามีผัสสะกระทบขึ้นมา ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เรา ก็จะรู้สึก...กระทบเราไหม ยังรู้สึกว่ากระทบเราอยู่หรือเปล่า เป็นของเราอยู่ไหม
ตรงนี้แหละ การที่เราเห็นแบบนี้บ่อย ๆ พิจารณาจนเห็นความว่างไป ๆ รูปนี้ไม่มี จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ เราพึงพิจารณาอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เมื่อรูปนี้ว่างไป ๆ หายไป ไม่มีตัวแล้ว ส่ิงที่เราควรพิจารณา...สังเกต ก็คือว่า แล้วจิตใจตอนนั้นเป็นอย่างไร จิตที่ไม่ต้องยึดรูป จิตที่คลายจากอุปาทาน ไม่ยึดความเป็นรูปร่าง ของตัว แล้วจิตขณะนั้นเป็นอย่างไร ดีไม่ดี สบายไม่สบาย อิสระไหม ไม่ต้องแบกรูปอันนี้
สังเกตไหม ไม่ต้องแบกรูปอันนี้ ไม่ต้องยึด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวล จิตเรารู้สึกว่า ยิ่งเห็นยิ่งหา ไม่เจอ พอกลับมาดูที่จิต จิตกลับรู้สึกเบา รู้สึกโล่ง รู้สึกสบาย รู้สึกถึงความอิสระ ความอิสระเพราะอะไร ไม่ต้องแบกอะไรเลย แค่รูปอันนี้ เราคลายจากรูปนี้อย่างเดียวนะ อันนี้พูดถึงแค่รูป รูปขันธ์ ๆ ที่เคยเห็นว่า เป็นตัวเรา เป็นของเราหายไปว่างไป ขนาดรูปเป็นก้อนยังหายได้ แล้วความคิดล่ะ ความคิดที่เกิดขึ้น เรา เคยเห็นว่าความคิดเป็นกลุ่มก้อน เป็นรูปร่าง มีแต่ความคิดสัญญาเก่า เรื่องราว...ภาพมโนภาพต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้นมา
แต่ตัวความคิดเอง ตัวปรุงเเต่ง ตัวสังขารเอง จริง ๆ แล้ว เขาไม่เป็นรูปร่างเลย มีแต่เรา...ที่เข้าใจ ว่าเป็นอยู่อย่างนั้น แล้วก็เปลี่ยนเร็วกว่าร่างกายนี้อีก เขามีการขึ้นมาแล้วก็ผ่านไป มาแล้วก็ผ่านไป ๆ แล้ว ทาไมคนเราถึงยึด ทาไมเราถึงยึดว่าสังขารเป็นของเรา แต่พอพูดถึงสังขาร เราก็จะเข้าใจว่า รูปนี้คือสังขาร ถูกปรุงแต่ง โดยธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ถูกปรุงแต่งขึ้นมาด้วยอาหาร อากาศ และกรรม
กรรม...เพราะกรรมที่เราทาในอดีต ทาให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นคน ในภพภูมินี่นะ จึงมีรูปนาม ขันธ์ ๕ นั่นคือขันธ์ในอดีต การปรุงแต่งด้วยกรรมของเราในอดีต แต่ปัจจุบัน...สิ่งที่ดารงอยู่ด้วยอาหาร อากาศ และการกระทาของเรา แต่ในขณะเดียวกัน พอกาหนดรู้ พิจารณารู้ถึงความเปลี่ยนแปลง รูปนี้เป็น