Page 560 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 560
492
วิปัสสนากรรมฐาน เพราะฉะนั้น เมื่อมีเวทนาปรากฏขึ้นมา จึงเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติ หรือบางครั้ง เป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้า เพราะบางขณะบางสภาวะญาณนี่นะ ปัญญาถึงตรงหนึ่ง พัฒนาไประดับหนึ่ง ก็จะเห็น เวทนาที่แก่กล้า คมชัด เพื่ออะไร เพื่อที่จะได้ตัดความหลงความยินดี ในรูป ในภพ ในชาติที่มีการเกิด การ เวียนว่ายตายเกิด แล้วรู้สึกว่ายินดีในภพชาติ ในร่างกาย ในรูปอันนี้
เพราะการเห็นเวทนาที่เกิดขึ้นตามร่างกาย ตามอาการทางกายต่าง ๆ ที่ปรากฏขึ้นมา เมื่อพิจารณา อยา่งแยบคายโดยแยบคายด้วยสติปัญญาอยา่งแยบคายแลว้จะเหน็วา่รา่งกายนเี้ปน็ทตี่งั้เปน็รังแหง่โรค หรือเป็นที่อาศัยของเวทนา ถ้าไม่มีร่างกายนี้ เวทนาทางกายจะเกิดขึ้นได้ไหม หรืออย่างไร การที่เราจะคิด อย่างนี้ได้นี่นะ จริง ๆ แล้ว การที่จะรู้สึกอย่างนี้ ถ้าไม่มีร่างกาย เวทนาจะเป็นอย่างไร เมื่อมีสติกาหนดรู้ อาการทางกาย ที่มีความเกิดดับเปลี่ยนไป จนสติ สมาธิ ปัญญาแก่กล้าพอสมควร จนเพิกบัญญัติหายไป บัญญัติ...ฆนบัญญัติ ความเป็นกลุ่มก้อนของรูป ๆ นี้ หายไป ว่างไป
ทกุ ครงั้ ทเี่ หน็ วา่ รปู หายไป วา่ งไป แลว้ เวทนาไมป่ รากฏ กจ็ ะรสู้ กึ วา่ เมอื่ ไมม่ รี า่ งกายสบายแบบนนี้ เี่ อง มแี ตค่ วามวา่ ง ความเบา ไมม่ คี วามปวดเกดิ ขนึ้ ตามรา่ งกาย นนั่ กค็ อื ทา ใหเ้ ราไดค้ ดิ วา่ ถา้ เราพจิ ารณาจะเหน็ ว่า เวทนาทางกายที่เกิดขึ้นเพราะมีรูปอันนี้ การที่จะอยู่แบบไม่มีรูปอันนี้ได้ไหม แต่เมื่อไหร่ที่เกิดขึ้นมาเป็น มนุษย์แล้ว เป็นบุคคลเป็นสัตว์บุคคลแล้วนี่ เราจะปฏิเสธรูปนี้ไม่ได้ เมื่อชาติ...ภพชาตินี้อาศัยรูปนามขันธ์ ๕ เป็นที่ตั้ง แต่การที่ปฏิบัติธรรม ที่จะละอุปาทาน การที่จะเข้าไปยึดว่ารูปนี้เป็นของเราทาได้ไหม...ทาได้ การที่จะคลายอุปาทาน การที่จะละความเป็นบัญญัติ เพิกบัญญัติในรูปอันนี้ได้ไหม...ได้
เพราะสภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ นนั้ ประกาศตวั เองวา่ ใครกต็ ามทมี่ สี ตสิ มาธมิ ปี ญั ญา พจิ ารณาเหน็ ความ ชัดเจนถึงความเป็นคนละส่วน ถึงความไม่เที่ยง ถึงการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ของรูปนามขันธ์ ๕ ของสภาว ธรรมที่กาลังปรากฏนั้น จิตจะคลายอุปาทาน เพิกละความเป็นบัญญัติ ความเป็นกลุ่มก้อนของรูปนี้ออกไป เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้น เวทนาก็จะปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ ปรากฏอยู่ในที่ว่าง ๆ และไม่มีเจ้าของ ไม่มีความเป็น เรา ไม่มีความเป็นตัวตนของเรา เข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ
เพราะฉะนั้น เวทนานั้นจึงเป็นไปตามเหตุปัจจัยปกติธรรมดา คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แต่ถ้าไม่ เคยใสใ่ จ แตเ่ มอื่ มเี วทนาเกดิ ขนึ้ มาแลว้ ไมใ่ สใ่ จ ไมพ่ จิ ารณาไป พยายามทจี่ ะหาอารมณอ์ นื่ พยายามทจี่ ะหา อารมณ์ใหม่มาทดแทน หรือเขาเรียกว่าเลือกอารมณ์ทั้ง ๆ ที่อารมณ์อื่นยังไม่ปรากฏเกิดขึ้นมานี่นะ ถ้าเป็น อย่างนั้น ก็จะทาให้จิตไม่ตั้งมั่น เพราะมีอาการวิ่งไปวิ่งมา เลือกอารมณ์ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงอารมณ์ปัจจุบัน ที่กาลังปรากฏ ถ้าพิจารณาดี ๆ ก็ใช้เวลานานพอสมควร จนกว่าอารมณ์ใหม่ จะปรากฏชัดขึ้นมาแทนเวทนา ถึงจะไปกาหนดรู้อารมณ์นั้นได้
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่กาหนดรู้เวทนานะ ถ้าไม่อาศัยกาหนดรู้เวทนา ก็จะไม่จัดเป็นเวทนานุปัสสนาสติ ปฏั ฐาน อนั นพี้ ดู ถงึ เวทนาทางกาย แตธ่ รรมชาตขิ องรปู นามกายใจอาศยั กนั ถงึ แมเ้ ปน็ คนละสว่ นกนั กอ็ าศยั กัน รูปกับนามอาศัยกันอยู่ เมื่อมีเวทนาทางกาย จิตก็ทาหน้าที่รู้ จิตรู้ก็ทาหน้าที่รู้ รู้แล้วรู้สึกอย่างไร เวทนา ที่เกิดขึ้นกับจิต มีความรู้สึกอย่างไร