Page 826 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม
P. 826
758
ทีนี้ ถามว่า เวลากาหนดจับที่ความรู้สึกหรือดูสภาพจิต สภาพจิตมีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อย่างหนึ่ง กับขณะที่เข้าไปกาหนดรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงแล้ว ทาให้สภาพจิตเราเปลี่ยนไปอย่างไร—เปลี่ยน เป็นดีขึ้น หรือเหมือนเดิม ? ทีนี้ ในขณะที่กาหนดอาการเกิดดับ บางครั้งโยคีเล่าว่าบรรยากาศของความ รู้สึกของเราสงบ กว้าง แต่อาการเกิดดับแว็บ ใส ๆ เบา ๆ แว็บใส ๆ เบา ๆ ขึ้นมาในความสงบ ไม่รู้สึกว่า ความรู้สึกหรือจิตเราเปลี่ยนทั้งหมด แต่ในขณะที่กาลังตามรู้อาการที่เขาแว็บเบา ๆ แต่ละขณะ แว็บแต่ละ ครั้ง ความรู้สึกค่อย ๆ สงบขึ้น ค่อย ๆ สงบขึ้น... นั่นก็คือการเปลี่ยนของเขาอย่างหนึ่ง ไม่จาเป็นว่าแว็บ แล้วก็ต้องเปลี่ยนทันที เปลี่ยนทั้งหมดเลย จากที่สงบอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นสว่างทันที
สิ่งที่ต้องรู้คือว่า ถ้าเราเห็นอาการเกิดดับตรงนี้ แล้วเปลี่ยนเป็นแว็บแล้วสงบขึ้น แว็บแล้วสงบ ขึ้น... สิ่งที่ควรต้องรู้คือว่าเราจะทาอย่างไรต่อ หรือถ้าเรากาหนดต่อไป แว็บใหม่ แว็บใหม่... ตามรู้อาการ เกิดดับที่เขาแว็บ ๆ ๆ จนสิ้นสุด แล้วค่อยมารู้ว่าสภาพจิตทั้งหมดเขาเปลี่ยนไปอย่างไร นั่นคือจุดที่โยคี ควรใส่ใจ เขาจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ให้รู้ชัดตามนั้น ถ้าเป็นแบบนี้เราจะไม่ต้องไปกังวลว่ากาหนดได้หรือ ไม่ได้ เพราะตามรู้อาการที่เขาเป็น แล้วอีกส่วนหนึ่งก็คือว่า สภาพจิตที่กาลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน อันนี้ นิดหนึ่ง อยากให้รู้ชัด ๆ ว่าสภาพจิตของเราขณะนี้เป็นอย่างไร ถ้าสภาพจิตรู้สึกว่ามันใส มันเบา มันสบาย ไม่ต้องไปหาอย่างอื่น! ให้รู้ที่ความรู้สึกที่เบาที่สบายก่อน อย่างที่อาจารย์บอกว่าให้รู้ต่อจากสภาวะเดิม
บางคนนี่หลายวันก่อนที่จะเข้าคอร์ส สภาพจิตผ่องใสสบาย เบามาก ๆ พอเริ่มเข้าคอร์สก็เริ่ม เกร็ง ไม่ได้สานต่อ พอเข้าคอร์สแล้ว จากที่เขาสบายอยู่ มานั่งแล้วรู้สึกว่ามีพลังขึ้น สงบขึ้น หรือมาดูแล้ว มันยิ่งสบายกว่าเดิม เบากว่าเดิม ก็คือเบาไป มาดูที่รูป รูปว่างไป ก็คือว่างไป ให้รู้ตามนั้น แล้วสานต่อจาก ตรงนั้นไป รู้สภาวะที่ต่อเนื่องจากที่เป็นอยู่ มีโยคีบางคนสภาพจิตรู้สึกว่ามันสบายทั้งวัน แต่ก็พยายามหา อาการ ใช่ไหม ? หาอะไรไม่เจอเลย กาหนดอะไรไม่ได้ มันมีแต่ความว่าง ความเบา ความใสอย่างเดียว แล้วหาอะไร ? หาอาการเกิดดับ แล้วไม่ได้ดูสภาพจิตที่เบา ใส ? ไม่ได้ดู รู้แต่ว่ามันใส ๆ มันสบาย ไม่ได้ ดูจิตที่ใสเองว่าเขาเปลี่ยนยังไง พยายามหาอาการที่เกิดดับที่เกิดในความใสอีกทีหนึ่ง
ขณะทสี่ ภาพจติ ตวั เองใส กลบั ไมร่ สู้ กึ ดกี บั จติ ทใี่ ส กลบั กงั วลกบั อาการทจี่ ะเกดิ หรอื ไมเ่ กดิ กลบั กงั วล กับสภาวะอาการเกิดดับของอารมณ์ที่ยังไม่ปรากฏ ย้อนกลับไปนิดหนึ่งว่า เราปฏิบัติเพื่ออะไร ? เราปฏิบัติ เพื่อขัดเกลาจิตใจเรา ใช่ไหม ? ผลที่เกิดขึ้นเกิดกับสภาพจิตเรา ใช่ไหม ? เราก็ต้องสังเกต ถ้ามันใสอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล ดูว่าใสแล้วดีไหม ความรู้สึกที่ใสเขามีกาลังไหม สติเราดีไหม สบายไหม ? ถ้าสบายทั้งวัน... สบายไปเลย ไม่ต้องห่วง! ถ้ามันสุขได้ทั้งวันนี่ถือว่าดีมากแล้ว เล่าไปเลย วันนี้สุขทั้งวันเลย เดินไปไหนก็มี แต่ความสุข เห็นอะไรก็ยิ้มไปหมด... ไม่ใช่วันนี้สุขมากเลย เห็นอะไรก็ขัดเคืองไปหมด อันนั้นไม่ได้
ความสุขที่เกิดขึ้นที่ต้องพิจารณา ขณะที่เรามีความสุข หรือสภาพจิตเต็มไปด้วยความสุขทั้งหมด ความสุขนี้ต้องพิจารณาทั้งในรูปทั้งบรรยากาศรอบตัว ทั้งที่ตัวแล้วก็บรรยากาศรอบตัว ให้เห็นทั้งภายใน และภายนอก ทั้งลืมตาและหลับตา ถ้าเราเห็นทั้งภายในและภายนอก มันจะปรากฏได้ทั้งลืมตาและหลับตา ความรู้สึกเราก็จะเป็นอย่างนั้น หลับตามีความสุข-ลืมตาขึ้นมาก็มีความสุข กิริยาอาการในอิริยาบถย่อย