Page 49 - ดับตัวตน ค้นธรรม
P. 49
อกุศลแต่จิตไม่ได้เป็นอกุศลตาม ตรงนี้วิบากเป็นอกุศลแต่จิตไม่เสวย อกศุ ลวบิ ากอนั นนั้ เปน็ จติ ทสี่ งบจติ ทผี่ อ่ งใสเขา้ ไปรบั รู้ เหน็ ไหม นคี่ อื ความ แตกต่างเลย!
อารมณว์ บิ ากเปน็ อยา่ งไร ? อยา่ งเชน่ เราชอบเหน็ ภาพทไี่ มด่ ี ภาพ ที่ไม่พึงปรารถนา เห็นเมื่อไหร่ก็หงุดหงิด เห็นเมื่อไหร่ก็หงุดหงิด นั่นคือ อารมณภ์ ายนอกเปน็ วบิ ากสา หรบั เรา แตพ่ อกา หนดรแู้ บบนปี้ บ๊ึ เหน็ ตอ่ ไป กลับเฉย ๆ ไม่รู้สึกกับอารมณ์นั้น จิตสงบจิตผ่องใสขึ้น นั่นคือการกาหนดรู้ แล้วเราก็จะละไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้น เวลาเล่าสภาวะ เราก็เล่าว่า จากที่ เวลาเห็นอะไรที่เคยไม่ชอบ เดี๋ยวนี้พอเห็นปึ๊บมันดับเร็ว เห็นแล้วตอนนี้ ไม่รู้สึกเลย เห็นแล้วเฉย ๆ เห็นแล้วรู้สึกสบาย ๆ เห็นแล้วสงบ...
เห็นไหม นี่เป็นตัวบอกว่าการที่เราละหรือการที่เราปล่อยวางมัน ง่ายขึ้นเยอะ ถ้าเราไม่พิจารณาแบบนี้ เอาแต่กลัวว่า อย่าเกิด อย่าเกิด... กลายเป็นว่าเราปฏิเสธอารมณ์นั้น แล้วเรายึดอะไร ? คือเราไม่อยากเห็น เรามีเงื่อนไข กรอบของเราแคบลง เราก็ขังตัวเองเอาไว้ในที่แคบ ๆ อันนั้น ก็เกิดไม่ได้ อันนี้ก็เกิดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ห้ามไม่ได้หรอก เขาก็เกิดเป็นปกติ ของเขา เพราะฉะนั้น เวลาเล่าสภาวะเราเปรียบเทียบเลยว่า ความคิดเมื่อ ก่อนดับแบบนั้น วันนี้ดับอย่างนี้...
โยคีมาเล่า บัลลังก์ก่อนความคิดเยอะมาก.... อยู่ดีไม่อยู่ดี จะไป ดีไม่ไปดี จะกลับดีไหม ? ที่อาจารย์บอกตั้งแต่วันแรก ๆ เลยว่า สังเกตไหม ความคิดเขาไม่เที่ยง ? สองบัลลังก์แรกนี่ โอ้โห! อาการหนักมาก ๆ เลย คิดอย่างเดียวเลย แต่พอบัลลังก์ที่สาม อัศจรรย์มากเลย มันหายไปเอง ไม่มีความคิดเลย เงียบสงบ นี่เป็นตัวบอกถึงความเป็นอนิจจัง แล้วเรา
41