Page 92 - ดับตัวตน ค้นธรรม
P. 92

84
ก็เห็นว่าเขาดับแบบเด็ดขาดมากกว่าเดิมหรือเปล่า ? ตรงนี้แหละเป็น ตัวทาให้สติเรามีกาลังมากขึ้น ถ้ารู้แค่วิ่งไปวิ่งมาวิ่งไปวิ่งมา อันนั้นสติเรา ก็จะมีกาลังน้อยกว่าที่เราจะเห็นว่าเขาดับทีละขณะ กลายเป็นว่าเวลา เล่าสภาวะก็จะรู้สึกเดี๋ยววิ่งไปวิ่งมาวิ่งไปวิ่งมา
เวลาโยคีเล่าก็จะฟังดูวิ่ง เขาวิ่ง เดี๋ยวแวบหมด... มันจะมีคาหนึ่ง ที่บอกให้รู้ว่า สิ่งที่เขาใช้ที่พูดว่าวิ่งไปวิ่งมากับสภาวะที่เกิดขึ้น บางทีไม่ ตรงกัน ว่าโดยสภาวะแล้วเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ภาษาที่ใช้คือความเข้าใจ คดิ วา่ เปน็ แบบนนั้ อยา่ งหนงึ่ เพราะฉะนนั้ อาจารยจ์ งึ ใหส้ งั เกตรายละเอยี ด เพิ่มขึ้น ต้องสังเกตดี ๆ ทาไมถึงต้องสังเกตดี ๆ ? เพื่อความเข้าใจที่เรา เข้าใจอยู่กับสภาวะที่เราเห็น เราเข้าใจถูกหรือเปล่า ? ถ้าเราเข้าใจตรงตาม สภาวะ ดี แต่ถ้าเราสังเกตดูอีกนิด ที่เราเข้าใจมาก่อนหน้านี้เป็นแบบนี้ พอดูดี ๆ อ้าว! ไม่ใช่ เขาเป็นแบบนี้ เพื่อความชัดเจน นั่นคือตัวปัญญา อย่างหนึ่ง ปัญญาที่รู้สภาวะที่เป็นจริงของเขา
แล้วการดูสภาพจิต ตัวสาคัญเลยก็คือว่า การที่ดูสภาพจิตบางคน ต้องอาศัย ที่อาจารย์บอกว่าสภาพจิตดูให้เยอะ ๆ นี่ แสดงว่างานหลักคือ อยทู่ สี่ ภาพจติ แลว้ สภาพจติ เปลยี่ นตา่ งจากเดมิ อยา่ งไร ? แมแ้ ตค่ วามโลง่ ความผ่องใสของจิตของเรา จากเมื่อก่อนเป็นแบบนั้น ตอนนี้ต่างจากเดิม อย่างไร ? เพราะอะไร ? การดูสภาพจิตตรงนี้นี่ ส่วนหนึ่งจะเป็นการบอก ตัวเองได้ว่า ตรงที่สภาพจิตเราเปลี่ยนไป “ต่าง” จากเมื่อก่อนอย่างไร ? ก่อนหน้าโน้นกิเลสเราเป็นอย่างไร ? มาถึงตอนนี้กิเลสอาศัยสภาพจิตใจ เรายังมากเท่าเดิมหรือน้อยกว่าเดิม ? ถึงแม้จะบอกไม่ได้ว่าตัวโทสะหรือ โมหะมันหายไปหรือน้อยลง แต่รู้สึกได้ว่ามันน้อยกว่าเดิม


































































































   90   91   92   93   94