Page 121 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 121

กับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน
พอพิจารณาถึงความเป็นจริงข้อนี้ ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า รูป นามอันนี้แยกออกมาเหลือแต่กายกับใจ ขันธ์ทั้งห้า : รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อลงมาเหลือแต่รูปกับนาม คือกายกับจิต และกายกับ จิต ลองสังเกตดู เขาไม่เป็นอันเดียวกันอีก เขาเป็นคนละขันธ์กัน แยกกัน อยู่ พระองคก์ ต็ รสั อยา่ งนนั้ วา่ วญิ ญาณขนั ธ์ รปู ขนั ธ์ แยกสว่ นกนั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ กู้ บั ตวั กเ็ ปน็ คนละสว่ นกนั จติ ทที่ า หนา้ ทรี่ กู้ บั ลมหายใจกเ็ ปน็ คนละ สว่ นกนั ลมหายใจหายไปวา่ งไป แตท่ า ไมเรายงั นงั่ อยไู่ ด้ ไมเ่ หน็ ตายเลย!? เพราะเรายังหายใจ แต่จิตละเอียดขึ้น
พอสติ-สมาธิแก่กล้าขึ้น พอพิจารณาแบบนี้มาก ๆ เราจะเห็นว่า แม้แต่ตัวที่นั่งอยู่นี่ก็เป็นคนละส่วนกับจิตที่รู้ อยู่ ๆ จิตมันหลุดออกไปอยู่ ข้างนอก เหมือนยืนอยู่ในที่ว่าง ๆ หันกลับมามองตัวที่น่ังอยู่ ตัวที่นั่งอยู่ เหมอื นกอ้ นหนิ เหมอื นทอ่ นไมต้ งั้ อยเู่ ฉย ๆ จติ ทา หนา้ ทรี่ โู้ นน่ ดนู ตี่ ลอด แต่ รูปนี้ตั้งอยู่เฉย ๆ เห็นว่า โอ! ร่างกายหรือตัวนี่ก็ไม่ใช่ของเรา ตัวกับจิตก็ แยกส่วนกัน พอสักพัก ดูไปดูมา ตัวค่อย ๆ จาง ค่อย ๆ บาง ตัวหายไป อีก เหลืออะไร ? เหลือแต่จิตอย่างเดียว แล้วอะไรเป็นของเราล่ะ ? จากที่ เราเคยหลงว่ารูปนามกายใจเป็นของเรา สุดท้ายกลายเป็นความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าตรงนี้แหละเป็นธรรมะที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่จะนั่งคิด เอาได้ เป็นลักษณะของสภาวะที่เป็นอนัตตา หรือเป็นสุญญตา เป็น ความว่างเปล่า ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีใคร แม้แต่รูปร่าง แม้แต่ลมหายใจยัง ว่างไปหายไป ถามว่า สภาวธรรมที่เกิดขึ้นตรงนี้บอกอะไรกับเรา ? นี่คือ สัจธรรมที่เกิดขึ้น บอกว่ามีอะไรบ้างที่เรายึดได้ ทาไมพระองค์จึงบอกว่า เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา เพราะเรายึดมาตลอด การ
117


































































































   119   120   121   122   123