Page 142 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 142

138
ไมห่ ยดุ หยอ่ น การทเี่ รามคี วามเพยี ร เดนิ หนา้ ตอ่ ไปไมห่ ยดุ —ตรงนแี้ หละ จะทาให้สภาวธรรมของเราก้าวหน้าขึ้น กาลังของสติ สมาธิ ปัญญาก็จะแก่ กล้าขึ้น เป็นการสั่งสมอินทรีย์สั่งสมบารมี เป็นการเพิ่มบารมีของตนทุก ๆ ขณะ ทุก ๆ เวลาที่มีเจตนา มีสติ สมาธิ ปัญญา พิจารณาถึงความเป็นจริง ของสภาวธรรมที่เกิดขึ้น
ทีนี้ พอพูดถึงสภาวธรรม คาว่า “สภาวธรรม” นี่บางครั้งเรารู้สึกว่า เป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัว หรืออยู่ตรงไหน จะหาอย่างไร ถึงจะเห็นสภาวธรรม นั้น ๆ ที่จริงคาว่า “สภาวธรรม” ไม่ต้องไปหาไกล สภาวธรรมจะปรากฏ เกิดขึ้นมาเองให้เราได้เห็นได้รู้ อาการอะไรที่เรียกว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้น มาเอง ? ก็อย่างที่บอกแล้วว่าสภาวธรรมก็คืออาการของรูปนาม ของกาย ของจิตเรานี่แหละ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ กาย เวทนา จิต ธรรม ที่เกิดขึ้นสลับสับเปลี่ยนกันมาในชีวิตประจาวันของเรานี่แหละคือ สภาวธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปหาไกล เพียงแต่ใส่ใจอารมณ์ปัจจุบัน ที่กาลังปรากฏ ที่กาลังเป็นอยู่
เราใส่ใจในลักษณะอย่างไร ? ที่กล่าวมาทั้งหมดคือลักษณะของ สภาวธรรมที่เป็นสัจธรรม กาลังปรากฏเกิดขึ้นจริง ๆ แต่สิ่งหนึ่งก็คือว่า เราจะกังวลว่าแล้วสภาวธรรมที่เกิดขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาความทุกข์เราได้ อย่างไร ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะว่าไม่เข้าใจถึงธรรมชาติถึงสัจธรรมจริง ๆ ว่าเขาเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะเราอยากให้เป็นอย่างนั้นอยากให้เป็นอย่างนี้ แตพ่ ออยากแลว้ ไมเ่ ปน็ อยา่ งทอี่ ยากนนั้ แหละความทกุ ขจ์ งึ เกดิ ขนึ้ แตถ่ า้ เรา ใส่ใจพิจารณาสัจธรรมที่กาลังปรากฏเกิดขึ้นจริง ๆ ในปัจจุบัน เราจะเห็น ตามความเปน็ จรงิ ถา้ ความเปน็ จรงิ เปน็ แบบนกี้ ย็ อมรบั วา่ เปน็ แบบนี้ ความ เปน็ จรงิ เปน็ อยา่ งนนั้ กใ็ หร้ ชู้ ดั ตามความเปน็ จรงิ วา่ เปน็ แบบนนั้ เวลานเี้ ปน็


































































































   140   141   142   143   144