Page 155 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 155
มสี ตแิ ละดบั ไป... ดบั ความขนุ่ มวั ของตนเองไดน้ ี่ อนั นนั้ แหละเขาเรยี กรทู้ นั รู้จักระงับอารมณ์ของตนเอง พอดับอารมณ์ตรงนี้ไป อาการทางกายที่เป็น อาการฝา่ ยอกศุ ลกจ็ ะลดลงนอ้ ยลงหรอื ไมส่ ามารถเกดิ ขนึ้ ได้ เพราะฉะนนั้ ก า ร ท เี ่ ร า ม เี จ ต น า ท จี ่ ะ ฝ กึ ส ต ิ เ จ ร ญิ ส ต ิ พ ฒั น า ป ญั ญ า ข อ ง ต น ก จ็ ะ ม คี ณุ ก บั ชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง
ทีนี้พูดถึงเรื่องศีลเมื่อกี้ว่า ศีลจะบริสุทธิ์อย่างไร อย่างเช่น เราเข้า วัดปฏิบัติธรรม มีเจตนาที่จะมาทาความดี เจตนาที่จะทาความดีคือการ สา รวมกายวาจาของตนอยา่ งเตม็ ที่ เราสา รวมกายวาจาของเรา คา พดู กพ็ ดู แตเ่ รอื่ งดี ๆ การกระทา การเคลอื่ นไหวทางกายกเ็ ปน็ ไปในเจตนาทเี่ ปน็ กศุ ล ศีลเราก็จะบริสุทธิ์ในช่วงขณะนั้นเวลานั้น ยิ่งมาปฏิบัติวิปัสสนาท่านกล่าว ไวว้ า่ ศลี ตอ้ งบรสิ ทุ ธิ์ เขาเรยี กกายกรรมวจกี รรม ศลี บรสิ ทุ ธขิ์ ณะทเี่ ราเจรญิ กรรมฐาน เพราะเมื่อไหร่ที่เราเจริญกรรมฐาน นั่งสมาธิ เดินจงกรม การ ที่มีเจตนารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเอง มีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน กายก็สารวม วาจาก็สารวม ยิ่งไปกว่านั้นจิตก็สารวมอีกไม่ให้อกุศลเกิด เป็นการสารวม ทั้งสามอย่าง กาย วาจา และใจ เพราะฉะนั้น ศีลก็มาด้วยกันครบ
อยา่ งเชน่ ในอริ ยิ าบถยอ่ ย เวลาจะขยบั เคลอื่ นไหว ทา อะไร เคยี้ ว อาหาร ทา งานตา่ ง ๆ เรากม็ เี จตนาทจี่ ะมสี ตริ อู้ ยกู่ บั ปจั จบุ นั รเู้ ทา่ ทนั อาการ เคลอื่ นไหว คา พดู ของตนเอง เหมอื นเรากส็ า รวมมศี ลี ไปในตวั โดยเฉพาะ อยา่ งยงิ่ ถา้ เรามเี จตนาทบี่ รสิ ทุ ธมิ์ เี จตนาทเี่ ปน็ กศุ ลอยแู่ ลว้ นี่ การทจี่ ะเผลอ ทา ไมด่ พี ดู ไมด่ กี จ็ ะนอ้ ยลง นนั่ เปน็ การรกั ษาศลี ใหบ้ รสิ ทุ ธไิ์ ปในตวั เมอื่ เรา มีเจตนาที่จะมีสติรู้อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันแบบนี้นี่แหละเป็นการรักษาศีล ให้บริสุทธิ์ไปในตัว แล้วไม่ต้องไปกังวลว่า เอ!๊ ศีลฉันบริสุทธิ์หรือยัง ศีล บริสุทธิ์หน้าตาเป็นยังไง...บอกไม่ถูกอีก คิดไปคิดมา เออ! เราก็ไม่ได้ไป
151