Page 230 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 230

226
การปฏิบัติธรรม/การเจริญกรรมฐาน เพื่อความก้าวหน้าในสภาว ธรรมที่ผ่านมา ขอให้เราเริ่มต้นด้วยการทาใจให้สบาย ๆ หรือที่เรียกว่ายก จิตขึ้นสู่ความว่าง ทาจิตให้ว่าง ให้โล่ง ให้โปร่ง ให้เบา ให้สบาย ว่างในที่นี้ หมายถึงว่างจากตัวตน ไม่ต้องเคร่งเครียด แค่กาหนดรู้ดูจิตที่ว่างเบา ทา จิตให้ว่างเบาแล้วก็มารู้สภาวธรรมที่ปรากฏอยู่เฉพาะหน้า วิธีการ สังเกต ดูว่าจากตอนกลางวันที่ผ่านมาเรากาหนดอะไร กาหนดความคิด—ความ คิดเกิดดับอย่างไร กาหนดรู้เสียง—เสียงมีอาการเกิดดับอย่างไร กาหนด รู้เวทนา—เวทนามีการเปลี่ยนแปลงหรือเกิดดับอย่างไร มาตอนนี้เราก็ สังเกตต่อว่า ถ้ามีอาการของความคิด เมื่อมีสติเข้าไปกาหนดรู้ ความคิด นั้นมีอาการเกิดดับต่างจากเดิมอย่างไร ดับแบบมีเศษไหม
การเขา้ ไปกา หนดรนู้ นั้ ใหม้ สี ตเิ ขา้ ไปใหถ้ งึ อาการ การเขา้ ถงึ อาการ คือการกาหนดได้ปัจจุบัน แต่ถ้าเรารู้สึกว่าเป็นเพียงผู้ดูตามรู้อาการ ก็ให้ นิ่งแล้วไปกาหนดรู้ที่ผู้ดู ดับผู้ดูให้เหลือแค่อาการ จะทาให้การปฏิบัติของ เรานั้นกาหนดได้ปัจจุบัน ก็จะเข้าถึงสภาวธรรม ให้ทาในลักษณะอย่างนี้ กาหนดแบบนี้ต่อไป ถ้าใครทาจิตให้ว่างแล้วข้างหน้ามีความสว่างเกิดขึ้น มา ก็ให้มีสติเข้าไปกาหนดรู้ความสว่างที่เกิดขึ้นมาข้างหน้า เข้าไปในความ สว่าง เมื่อเข้าไปรู้ในความสว่างแล้ว รู้สึกอย่างไร ? เข้าไปแล้วความสว่าง กว้างขึ้น สว่างมากขึ้น จิตตื่นตัวขึ้น ให้ความรู้สึกตื่นตัวขึ้น จิตมีความใส ขึ้นหรือตั้งมั่นขึ้น ก็รู้ตามนั้น ให้รู้ต่อเนื่องไป การกาหนดรู้เข้าไปดู ตรงนี้ เขาเรียกว่า “ดูจิตในจิต” รู้ตามที่เขาเป็น
ขณะที่เรารู้ข้างหน้าแล้วมีความสว่างขึ้น สว่างขึ้น... ตื่นตัวขึ้น อัน ที่จริงแล้ว คาว่า “ตื่นตัวขึ้น” เราจะรู้สึกที่ไหน ? ไม่ใช่แค่ข้างหน้าที่มีความ ตื่นตัว อันที่จริงแล้วคาว่า “ตื่นตัว” นี่ก็ต้องมาดูที่รูปที่นั่งอยู่ด้วยว่า รูปที่


































































































   228   229   230   231   232