Page 36 - พระอาจารย์เทศน์เนื่องในโอกาสวันสำคัญทางพุทธศาสนา
P. 36

32
กรรมเก่า เพราะฉะนั้น ไม่ต้องทาอะไรหรอก เดี๋ยวกรรมเก่าส่งผลเอง เขา ใช้คาว่า “กรรมไม่เป็นอันทา” แต่บางคนก็เชื่อว่าคนเราเกิดจากกรรม ทา กรรมอะไรกไ็ ดร้ บั อนั นนั้ เปน็ ไปตามกรรมเสมอ เพราะฉะนนั้ ความเชอื่ ตรงนี้หลากหลาย
บางคนก็นั่งสมาธิ ปฏิบัติบาเพ็ญธรรมแบบไม่ถึงกับทรมานขนาด นั้น เหมือนอาฬารดาบสซึ่งเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้า ฝึกโยคะกลั้น หายใจได้นาน ๆ สอนให้เข้าถึงฌานได้ แต่เมื่อพระองค์ได้ทรงปฏิบัติตาม จนจบหลักสูตร เรียนจบวิชา ณ สานักนั้น ๆ แล้ว จึงเห็นว่าไม่สามารถพา ไปหลุดพ้นได้ ก็เลยต้องกลับมาทรมาน หรือว่าบาเพ็ญเพียรจริง ๆ ตรงนี้ แหละเป็นที่มาว่าพระพุทธเจ้าบาเพ็ญทุกรกิริยา ที่เราเห็นภาพที่พระองค์ ผอมเหลือแต่โครงกระดูก เพราะอดอาหาร ๔๕ วัน จากค่อย ๆ อดไป อด ไป... น้าก็ลดลง น้อยลง จนแม้แต่น้าก็ไม่รับ สุดท้ายก็ยังไม่บรรลุธรรม
จนนางสุชาดานาอาหารมาถวาย พอรับอาหารเข้าไปแล้ว พระองค์ รู้สึกเริ่มมีชีวิตชีวา มีกาลังวังชาเกิดขึ้น บาเพ็ญเพียรต่อ จึงรู้ว่าการทรมาน ตนไม่ใช่แนวทางการหลุดพ้น และสมัยนั้นบอกเลยว่าไม่มีใครที่บาเพ็ญ ทุกรกิริยาได้ยิ่งยวดเท่าพระพุทธเจ้า แสดงว่าแม้ลัทธิต่าง ๆ ที่ทรมานตน ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่พระพุทธเจ้าทาอย่างเต็มที่ยิ่งยวดที่สุดแล้ว เมื่อเป็น อย่างนั้น พระองค์จึงกลับมาเดินทางสายกลาง “มัชฌิมาปฏิปทา” ทางสาย กลาง คอื ไมบ่ า เพญ็ เพยี รทเี่ บยี ดเบยี นตวั เองจนเปน็ ทกุ ข์ จนหมดแรงไมม่ ี กาลังวังชาในการปฏิบัติธรรม และไม่บารุงบาเรอตนจนมากเกินไป
ที่จริงแล้ว การทรมานตนเพื่อความหลุดพ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ การ ที่เราปรนเปรอตัวเองมาก ๆ แล้วคิดว่าจะทาให้หลุดพ้นนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ทางสายกลางประมาณไหน ? การดาเนินชีวิตเป็นกลาง ไม่


































































































   34   35   36   37   38