Page 161 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 161

143
แต่ที่เรารู้สึกว่ายาก เพราะเราไม่ได้คานึงถึงว่าจะดับทุกข์อย่างไร ห่วงแต่ว่าทาอย่างไรถึงจะถูก เวลาไม่ทุกข์ก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า ว่าง ๆ อย่าง นี้ถูกไหม พอมีความสุขก็ ถูกหรือเปล่า ? สิ่งที่ต้องรู้คือ เมื่อทาอย่างนั้นแล้ว จิตเรารู้สึกดีหรือไม่ดี ? ตรงนี้เป็นตัวบอกว่าทุกข์หรือไม่ทุกข์ ทาแล้วรู้สึก จิตใจเราผ่องใส สงบ มีความสุข ตรงนั้นรู้สึกดี ใช่ไหม ? เพราะฉะนั้น ไม่ ต้องห่วงหรอก ถ้าไม่ถูก มันก็ไม่ดี! อย่างที่บอกเมื่อกี้ว่า ได้เบียดเบียนนิด หนึ่งแล้วรู้สึกดี อันนั้นไม่ดีแน่นอน! ต้องเป็นความรู้สึกดีที่เราไม่เบียดเบียน ใคร พอเราไม่เบียดเบียนใคร เราก็อยู่ในศีลโดยอัตโนมัติ วงจรชีวิตเราก็ จะอยู่กับธรรม แต่ไม่ใช่เคร่งจนทาอะไรไม่ได้นะ
ธรรมะพระพุทธเจ้า เราเป็นฆราวาส ถ้าเราไม่สมาทานศีล ๘ ข้อห้าม มีอยู่ ๕ อย่าง คือศีล ๕ ห้ามแค่ ๕ ข้อเอง นอกนั้นไม่ห้าม สิ่งที่เราทาได้ไม่ เกี่ยวกับศีล ๕ นี่มีเยอะแยะ เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดอย่างนี้ เราไม่ต้องอึดอัด กับการรักษาศีลเลย สบาย ห้ามแค่ ๕ ข้อเอง! อย่างอื่นเรายังทาได้ ใช่ไหม ? นั่นแหละเรื่องง่าย ๆ อย่าทาให้เป็นเรื่องยาก ลองคิดให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ชีวิต เราก็อยู่กับธรรมะแบบง่าย ๆ พอใจที่จะทา แล้วเราก็จะมีความสุข
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวเรามาร่วมกันแผ่เมตตา เมื่อกี้บอกวิธี เติมความสุข ทุกครั้งที่เราทาบุญ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล การ เจริญภาวนา ถ้ามีเวลาก็ควรแผ่เมตตา แผ่บุญกุศลออกไป ทาจิตให้ว่างแล้ว เติมความสุขให้ตัวเอง การแผ่บุญ แผ่ด้วยความรู้สึก แผ่ด้วยจิต เหมือนเมื่อ คืนนั่นแหละ ทาจิตให้สงบ เติมความสุขให้เต็ม และให้กว้างเต็มห้องนี้ ให้ กว้างออกไป ไม่มีขอบเขต ไม่มีประมาณ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน...
ขอแผ่บุญกุศลอันนี้ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะให้พ่อ ให้แม่ ครูบาอาจารย์ ลูกหลาน ญาติสนิทมิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลายที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ และที่อื่น ๆ เมื่อได้รับรู้ถึงบุญกุศล ที่เราแผ่ออกไปแล้ว ขอให้ท่านเหล่านั้นได้อนุโมทนาในส่วนบุญกุศลที่เราได้


































































































   159   160   161   162   163