Page 279 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 279
261
ให้นาไปใช้กับชีวิตจริง ๆ ของเรา บางคนคิดว่าธรรมะใช้กับชีวิตจริงไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ธรรมะเป็นความจริงของชีวิต เราก็พยายามแยกความจริงของชีวิต ออกจากชีวิต เลยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่กับสิ่งที่หลอกตัวเอง อยู่กับมายา หรืออยู่ กับสัจธรรม เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจถึงธรรมชาติความเป็นไปของรูปนาม รู้สัจธรรม รู้ความจริงของรูปนามแล้ว เราจะเข้าใจว่าธรรมะนั้นเป็นสิ่งสาคัญ และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลากับชีวิตของเรา เพราะรูปนามขันธ์ ๕ นี้ก็คือ “ก้อนของธรรมะ”
พระพุทธเจ้าสอนเรื่องของขันธ์ ๕ ที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ก็ กาหนดรู้อาการของขันธ์ ๕ นี่แหละ ที่เราทุกข์ เพราะเข้าไปยึดรูปนามขันธ์ ๕ เหล่านี้แหละจึงทาให้ทุกข์ เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีสติระลึกรู้ อยู่เสมอว่า รูปนามขันธ์ ๕ นี้กาลังเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีการเปลี่ยน แปลงอยู่เสมอ ไม่ว่ารูปนามขันธ์ ๕ ภายใน คือของเราเอง หรือรูปนามขันธ์ ๕ ภายนอกของคนอื่นก็ตาม ย่อมอยู่ในกฎของไตรลักษณ์แบบเดียวกัน เพราะฉะนั้น ก็ขอฝากเอาไว้ว่า เราปฏิบัติแล้ว ก็เอาความรู้ เอาสติปัญญา หรือวิธีการปฏิบัตินั้นไปใช้กับชีวิตเราให้มาก ๆ บ่อย ๆ ให้เป็นปกติของชีวิต เรา แล้วอานิสงส์จะเกิดกับเราเอง เจริญพร
ก่อนจะลุกไป แผ่เมตตานิดหนึ่งนะ วิธีแผ่เมตตา ยกจิตขึ้นสู่ความว่าง น้อมถึงบุญกุศลที่เราได้ทาหรือความรู้สึกดี ๆ น้อมเข้ามาใส่ใจของเราให้เต็ม และแผ่ให้กว้างออกไป ไม่มีขอบเขตไม่มีประมาณ แล้วตั้งจิตอธิษฐานแผ่บุญ กุศลอันนี้ให้กับผู้มีพระคุณทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ลูก หลาน ญาติสนิท มิตรสหาย เพื่อนร่วมโลกเกิดแก่เจ็บตาย เทวดาทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้และที่อื่น ๆ จงรับรู้ถึงบุญกุศลที่เราได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่อรับรู้แล้ว ก็ขอให้อนุโมทนาถึงบุญกุศลที่เราได้แผ่ไปแล้วนี้ เมื่ออนุโมทนา แล้ว ถ้ามีทุกข์ ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้ามีสุข ก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ามี เวรมีภัยต่อกัน ก็ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน เพื่อความเจริญความผาสุก