Page 500 - ธรรมปฏิบัติ 1
P. 500
482
เกิดขึ้นบ่อย ๆ พยายามละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้เร็ว ทาใจของตัวเองให้ดี เห็นแต่ความดี แล้วจะมีความสุข
ทีนี้เวลาเราปฏิบัติธรรม บางครั้งมันไม่มีความสุขเลย บางครั้งก็แห้ง แล้ง บางครั้งก็ห่อเหี่ยว บางครั้งก็หดหู่ บางครั้งก็ชักท้อ ๆ ทาไมถึงท้อ ? ไม่รู้ เหมือนกัน ปฏิบัติแล้วไม่ได้อะไรเลย! สังเกตไหม บางทีความรู้สึกประเภทนี้ เกิดขึ้นมา เราจะรู้สึก แย่แล้ว! เราปฏิบัติไม่ดี แล้วไม่อยากเล่าด้วยนะ กลัว! ไม่ใช่กลัวอะไรหรอก อายอาจารย์ เล่าไปแล้วเดี๋ยวอาจารย์จะดุเอาว่าทาไม่ได้ จึงกลายเป็นว่าเล่าสภาวะไม่ชัด เล่าสภาวะไม่หมด
ที่ถามว่า สภาพจิตเป็นอย่างไร ? ถามนี่ไม่ใช่แค่ถามลอย ๆ หรอก อย่ากลัวว่าตอนนี้สภาพจิตใจเป็นอย่างไร บางทีโยคีไม่กล้าเล่า ถามแล้วเขาก็ ยังไม่พูดว่าใจเขาไม่ค่อยดี เขาก็ไม่กล้าพูดหรอก เขาพยายามหลีกเลี่ยง เล่า แต่อาการเกิดดับอย่างเดียว ดีแล้ว เล่าแต่อาการเกิดดับก็ไม่เป็นไร ที่จริง ลักษณะของสภาพจิตใจที่ปรากฏขึ้นมา ที่รู้สึกดี รู้สึกไม่ดี รู้สึกใส รู้สึกหดหู่ รู้สึกโหรงเหรง กลวง ๆ บางคนถามว่ากลวง ๆ เป็นยังไง ? ว่างกับกลวง ต่างกันยังไง ? ต่างกันนะ ไม่เชื่อก็ลองกลวงดูสิ...
เวลาเราว่าง แล้วจิตเรามีพลัง มันจะอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้ามันกลวง มัน จะเหมือนโบ๋ไปเลย ไม่มีพลัง บริเวณนี้มันกลวง มันว่างนะ แต่รู้สึกไม่ดี ไม่มี พลังรองรับ เขาเรียก “โหวงเหวง” ยิ่งกว่าวังเวง วังเวงก็แบบหนึ่ง กลวงก็อีก แบบหนึ่ง บางครั้งปฏิบัติแล้วรู้สึกว่า ทาไมวังเวงจัง ? เหมือนนั่งอยู่คนเดียว บางคนใช้คาว่า นั่งแล้วรู้สึกว่าเหงาจังเลย วังเวงเหมือนกับไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน หาอะไรไม่เจอ กาหนดไม่ได้... ก็รู้สึกว่าแย่แล้ว! แต่ไม่กาหนดอาการวังเวง นั้นนะ จะไปหาอาการเกิดดับอื่น พอจะไปกาหนดเสียง ก็ว่างเปล่า กาหนด ไม่ได้ พอมาดูที่รูป มันก็ว่าง ๆ เบา ๆ ไม่มีความตื่นตัวเลย แค่วังเวง
เพราะฉะนั้น จุดที่ต้องสังเกตเมื่ออาการเหล่านี้เกิดขึ้น มีเราหรือ เปล่า ? เป็น “เรา” ที่รู้สึกวังเวง หรือแค่รู้สึกวังเวงเกิดขึ้นอยู่ในความว่าง หรือ