Page 104 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 104

100
คือเป็นทุกขลักษณะเกิดขึ้นแล้วดับไปมีแล้วหมดไป ไม่มีอะไรพิเศษที่ต่างออกไป หรืออยู่นอกกฏเกณฑ์ อันนี้ นั่นแหละคือกฎไตรลักษณ์ที่เราพึงเข้าไปศึกษาพิจารณา
เพราะอะไรชวี ติ คนเราทกุ ขม์ ากทกุ ขน์ อ้ ย กเ็ พราะปญั ญาทยี่ งั ไมร่ อู้ ยา่ งแจม่ แจง้ ถงึ ความเปน็ ไปของ กระบวนการของขันธ์ทั้ง ๕ พอมีความทุกข์ ความคิดเกิดขึ้นมาก็ปรุงเเต่ง เป็นเราเข้าไปยึด แล้วก็ทาให้เป็น ทุกข์เกิดขึ้นมา เดี๋ยวคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องต่าง ๆ มากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ตลอดชีวิตมีอะไรบ้าง ทเี่ ราไมใ่ ชค้ วามคดิ มแี ตต่ อนหลบั ไมต่ อ้ งใชค้ วามคดิ ตนื่ มากต็ อ้ งคดิ เพยี งแตว่ า่ คดิ ทปี่ ระกอบดว้ ยปญั ญา คิดที่ประกอบด้วยอวิชชา คิดแล้วทาให้ทุกข์ หรือคิดแล้วเป็นเรื่องธรรมดาปกติ คิดสร้างสรรค์ไม่ประกอบ ไม่ทาให้เกิดทุกข์ขึ้นมา อย่างไรก็คิด แต่การกาหนดรู้ถึงลักษณะของการเกิดดับของความคิด ไม่ว่าจะเป็น ความคิดนั้นดีหรือไม่ดีก็ตาม รู้การเกิดดับแล้วเราจะรู้ว่า เราไม่ติดทั้งดีและไม่ดี เขาเรียกอย่าติดดี เดี๋ยวก็ จะรู้ว่าความคิดเกิดดับไป
แต่รู้ประโยชน์ของเขาว่าเป็นอย่างไร ใช้ประโยชน์อย่างไร อันนี้คือการกาหนดรู้ความคิด และการ กาหนดรู้ความคิดความอยากตรงนี้ ทาให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น สาคัญมาก ๆ นะ การเห็นตัวเอง รู้จักตัว เอง การที่เรารู้จักหยุดตัวเอง หรือพัฒนาตัวเอง ก็ต้องรู้จักตัวเอง ถ้าไม่รู้จักตัวเองเราจะพัฒนาอย่างไร จะ ใหต้ วั เองเปน็ อยา่ งไร เลอื กทา อะไร บางทเี รากเ็ ลอื กไมถ่ กู ทา ไมเ่ ปน็ เพราะฉะนนั้ การทเี่ รารทู้ นั ตวั เอง เหตทุ ี่ ทา ใหเ้ ปน็ ทกุ ขต์ า่ ง ๆ เราจะหยดุ ไดง้ า่ ยขนึ้ อะไรทที่ า ใหเ้ ราเปน็ ทกุ ข์ อปุ นสิ ยั แบบไหนทชี่ อบทา ใหต้ วั เองเปน็ ทุกข์ การกระทาแบบไหน ความคิดแบบไหนที่ทาให้เราเป็นทุกข์ การกระทาความคิดแบบไหนที่ทาให้เราไม่ ทกุ ข์ ตรงนยี้ งิ่ เหน็ ชดั ขนึ้ ๆ เรากจ็ ะรวู้ า่ ตอ้ งทา อยา่ งไร ไมใ่ ชแ่ คร่ วู้ า่ เกดิ ดบั อยา่ งเดยี ว อนั นคี้ อื พดู หลกั สนั้ ๆ เวลาปฏิบัติธรรมเราจะได้ไม่ต้องมานั่งคิดมาก ความคิดเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ กาหนดรู้เกิดดับของความคิด ไปเลย ไม่ต้องมานั่งความคิดนี้ดับดีไหม ความคิดนี้จะกาหนดดีไหม...ไม่ต้อง กาหนดทุก ๆ ความคิด นี่ คือการดูจิตในจิต
อีกอย่างหนึ่งก็คือตัวสภาวธรรม อารมณ์หลักอีกอย่างหนึ่งคือสภาวธรรมที่เกิดขึ้น สภาวธรรมคือ ลักษณะของอาการพระไตรลักษณ์ คือลักษณะเกิดดับของอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปเวทนา สัญญาสังขารวิญญาณเกิดดับ ที่พูดมาทั้งหมด อาการทางกาย เป็นเวทนา เป็นจิต เป็นธรรม เขาแสดง ลกั ษณะเปน็ สภาวธรรม คอื เกดิ ขนึ้ ตงั้ อยดู่ บั ไป เปน็ ไปตามธรรมชาติ เปน็ ไปตามปกติ รปู เสยี งกลน่ิ รสสมั ผสั ธรรมารมณ์ มีอาการลักษณะคือเกิดดับตลอดเวลา มีการเกิดดับเป็นปกติเป็นธรรมดา เพียงแต่หน้าที่ของ ผู้ปฏิบัติ สนใจใส่ใจ อาการเกิดดับตรงนั้นให้ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้แต่ตัวรู้เองก็เกิดดับด้วยไหม อันนี้ไม่ใช่แค่เห็นอย่างเดียวว่าเขาเกิดดับด้วย เห็นเกิดดับแล้วผลที่เกิดขึ้นมามีผลต่อสภาพจิตใจของเรา
อกี อยา่ งหนงึ่ สภาวธรรมทเี่ กดิ ขนึ้ เวลาเรานงั่ กรรมฐาน นงั่ กรรมฐานนงั่ สมาธิ แลว้ พอสงบปบุ๊ มแี สง มีวาบ ๆ ขึ้นมา ที่เรียกว่าเป็นนิมิต มันวาบเป็นอาการเกิดดับวาบ ๆ ๆ ขึ้นมา เดี๋ยววาบตรงนั้น เดี๋ยววาบ ตรงนี้ เกดิ ทตี่ าบา้ งทตี่ วั บา้ ง ทตี่ วั กเ็ ปน็ อาการทางกายอกี เกดิ ทหี่ นา้ กเ็ ปน็ อาการทางกาย เกดิ ในทวี่ า่ ง ถามวา่ อาการอะไร อาการของรปู นามนแี่ หละปรากฏขนึ้ มาใหร้ ู้ หนา้ ทขี่ องผปู้ ฏบิ ตั จิ งึ ตอ้ งกาหนดรอู้ ยา่ งเดยี ว ความ


































































































   102   103   104   105   106