Page 102 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 102

98
การดูจิต การที่เรารู้เท่าทันการกาหนดรู้อาการเกิดดับของความคิด พอกาหนดรู้อาการเกิดดับของ ความคิดชัดเจน สติมีกาลังมากขึ้นก็จะรู้ว่าความคิดที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร เกิดจากความอยากแบบไหน อยากรู้อยากดูอยากเห็นอยากเป็นอยากได้ เกิดไปรู้ถึงความอยาก ละเอียดขึ้น สติไวขึ้น ก็จะไปรู้จุดเกิด ของความคิด หรือก่อนที่จะเกิดจิตมันอยากอะไร กลายเป็นความอยาก ความอยากนี่นะเป็นอะไร อยาก ทาอยากได้อยากเป็น อยากแล้วมีอะไรเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง มีโลภะโทสะโมหะเกิดขึ้นมา ที่เป็นผู้อยู่เบื้อง หลังความคิดอันนั้น หรือเป็นความคิดที่เกิดจากปัญญา มีปัญญาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เขาเรียกอโลภะ อโทสะอโมหะ ก็คือเป็นความคิด ที่ประกอบด้วยสติสมาธิและปัญญา ในการที่จะทาสิ่งต่าง ๆ คาว่าความ คิดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดจากกิเลสอย่างเดียว
เพราะฉะนนั้ การทเี่ รามเี จตนากา หนดรถู้ งึ อาการเกดิ ดบั ของความคดิ ทจี่ รงิ ใหก้ า หนดรแู้ บบเดยี วกนั กับเวทนา กาหนดรู้แบบเดียวกันกับเวทนาว่า เวลาความคิดเกิดขึ้นมา ความคิดกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็น ส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน แล้วความคิดที่เกิดขึ้นมาเกิดดับอย่างไร แล้วการเอาความคิดนั้นมาเป็น อารมณ์กรรมฐาน เป็นอารมณ์วิปัสสนา คือยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนา เข้าไปพิจารณาว่า ความคิดที่เกิดขึ้นนั้น เกิดแล้วดับอย่างไร พอใจกาหนดรู้แล้วให้ทัน ไม่ใช่ว่าห้ามคิด ๆ ๆ ๆ ถ้าห้ามคิดมีใครห้ามได้บ้าง น้อย มากนะ บางทีอย่าคิดเขาก็ดับไป เดี๋ยวก็แว็บมาใหม่ ไม่คิดแต่ก็ดับไปแว็บมาใหม่ เห็นไหมห้ามไม่ให้เกิด ไม่ได้ แต่เขาจะเกิดขึ้นมา แต่พอเราบอกว่าห้ามคิด สติมีกาลัง รู้ปุ๊บเขาก็ดับไป รู้ปุ๊บก็ดับไป
เพราะฉะนั้นหน้าที่เราแทนที่จะห้าม เข้าไปกาหนดรู้อาการเกิดดับของความคิดได้เลย มาปึ๊บมา แล้วนะ ดูสิดับอย่างไร เข้าไปแล้วกาหนดรู้ว่าเขาดับอย่างไร และถ้าเราพอใจที่จะกาหนดรู้ว่าความคิดนั้น เกิดดับอย่างไร และพอใจที่จะกาหนดรู้ เพิ่มสติของเราให้ไวกว่าความคิด ต่อไปก็เริ่มจะคิด ๆ ๆ เริ่มจะคิด ก็รู้ ๆ อย่างที่บอกว่าพอเริ่มจะคิดก็รู้ แล้วก็จะรู้ว่า ความคิดที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร ความอยากที่ประกอบ ด้วยโลภะโทสะโมหะ พอเริ่ม...ความอยากเกิดขึ้นเราก็รู้...อันนี้อยาก อันนี้ประกอบด้วยกิเลสนะ เขาดับไป อันนี้ไม่พอใจแล้วนะ ความคิดนี้ถึงเกิดขึ้นมาก็ดับไป รู้อาการเกิดดับแบบนี้เรื่อย ๆ เป็นการตัด ๆ ๆ จะ ตัดอารมณ์ไปเรื่อย ๆ ความทุกข์เราก็ดับลง เขาเรียกไม่หลงคล้อยตามความคิด ไม่หลงคล้อยตามการปรุง แต่งของตัวเอง อันนี้คือการกาหนดจิต ที่ว่าดูจิตในจิต จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน การกาหนดรู้อาการทาง จิตที่เกิดขึ้นกับจิตว่าเป็นอย่างไร
ทีนี้อีกเรื่องหนึ่ง ที่การดูจิตในจิต ก็คือว่าดูสภาพจิตใจของเรา สังเกตไหมจิตใจตอนนี้รู้สึกอย่างไร เฉย ๆ ว่าง ๆ สงบ ๆ เบา ๆ โปร่ง ๆ สบาย ๆ หรือไม่รู้? ถ้าไม่รู้ว่าสภาพจิตตัวเองเป็นอย่างไรเลย...บอก ไม่ถูก เป็นอะไรก็ไม่รู้ นี่คือจุดหนึ่ง การที่เราสังเกตดูสภาพจิตเพื่อที่จะรู้จักตัวเองด้วยว่า ตอนนี้จิตใจเรา เป็นอย่างไร ดีไม่ดี สงบไม่สงบ หรือวุ่นวายอยู่ เราจะรู้สึกได้ เพราะฉะนั้นดูจิตในจิต ทีนี้เวลาเราปฏิบัติ พอ สภาวธรรมต่าง ๆ ลมหายใจหายไป อาการทางกายหายไป เวทนาไม่มี เวทนาไม่มี แล้วมีอะไร มีแต่ความ รู้สึกที่สงบ มีแต่ความเงียบ มีแต่ความเบา มีแต่ความรู้สึกที่โล่ง ๆ สว่าง ๆ มีแต่ความสุข นั่นคือลักษณะ ของสภาพจิต


































































































   100   101   102   103   104