Page 101 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 101
97
ตามกาหนดรู้การเกิดดับ ความเปลี่ยนแปลงของเวทนาอันนั้นไปเรื่อย ๆ สู้กับเวทนา ทนสู้กาหนดไม่ใช่เพื่อ เอาชนะ สู้เท่าที่เราทาได้กาหนดได้ ถ้าไม่ไหวก็ค่อยขยับเปลี่ยนท่าได้นะ แต่ว่าก็คือว่าเราต้องสู้ให้มากที่สุด เท่าที่เราจะสู้ได้ เพราะอะไร การที่อดทนสู้ไปเรื่อย ๆ ทาให้เรามีขันติมีความอดทนมีความเข้มแข็ง จิตจะ ได้เข้มแข็งแข็งแกร่งตั้งมั่นและเป็นตบะของเรา
แต่ถ้าเราปวดนิดหนึ่งขยับ ปวดนิดหนึ่งขยับ เราก็จะไม่เห็นถึงเวทนาหรือจิตใจไม่เข้มแข็ง มีสติ แต่สมาธิไม่มั่นคง เดี๋ยวเปลี่ยน ๆ จิตใจไม่เข้มแข็ง ถ้าสู้จนถึงที่สุดแล้วค่อยขยับ จิตใจเราจะมั่นคงขึ้น เขาเรียกมีตัวขันติ เพราะสมาธิที่แก่กล้าขึ้น สติดีด้วยสมาธิดีด้วย จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การเจริญ กรรมฐานของเรา เพราะอารมณ์เวทนาที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ปวดทางกาย ผัสสะที่เกิดขึ้นทางตาแล้วเขากระทบ จิตใจ ทาให้เวทนาเกิดขึ้นเราจะทนได้ด้วย จะมีความเข้มแข็งเกิดขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ทีนี้การที่เรากาหนด รถู้ งึ เวทนากบั จติ เปน็ คนละสว่ นกนั และเกดิ ดบั อย่างไร สงิ่ หนงึ่ อกี จดุ หนงึ่ ทพี่ งึ สงั เกตวา่ ขณะทตี่ ามกาหนด รู้อยู่นั้น เวทนาความปวดที่เกิดขึ้นเขาบอกว่าเป็นเราไหม ตัวที่ทาหน้าที่รู้เป็นคนละส่วนกับความปวด แล้ว ความปวดเขาบอกว่าเป็นเรา เป็นของเราหรือเปล่า หรือเขาเกิดขึ้นมาทาหน้าที่ของเขาแค่นั้นแหละ ความ ปวดก็ทาหน้าที่ เวทนาทาหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน การรู้อย่างแจ่มแจ้งเพื่อ ไม่ยึดเอาเวทนาเป็นของเรา ก็ต้องกาหนดรู้ให้ชัดเจน
และอกี อยา่ งหนงึ่ กค็ อื วา่ ทเี่ รากา หนดรแู้ บบนี้ เราจะไดเ้ หน็ วา่ แมไ้ มม่ ตี วั ตนแลว้ จติ กบั กายแยกกนั เวทนาก็ยังต้องเกิด เพราะอะไร เพราะมีร่างกายนี้ เวทนาทางกายจึงย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่มี ใครพ้นจากเวทนาแบบนี้ไปได้ น้อยนักนะไม่ค่อยมี เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว บุคคลทุกคนในโลกนี้ เมื่อมี รา่ งกาย เมอื่ รปู มขี นั ธน์ ขี้ นึ้ มา นนั่ เปน็ ทอี่ าศยั ของเวทนาเปน็ เรอื่ งปกตธิ รรมดา ทกุ คนในโลกนไี้ มเ่ ฉพาะพวก เราที่นั่งอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ ย่อมมีเวทนาเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดาเพราะมีร่างกาย เพราะฉะนั้นการกาหนด รู้เวทนาเพื่อที่จะศึกษาถึงกฎไตรลักษณ์ เป็นองค์ประกอบของการกาหนดรู้เรื่องของขันธ์ เขาเรียกเวทนา ขันธ์ เป็นองค์ประกอบของชีวิตคนเรา การกาหนดรู้เรื่องอาการเกิดดับ จิตจะได้คลายจากอุปาทาน ไม่ทุกข์ ไม่ทุกข์ใจไม่ขุ่นมัวไม่เศร้าหมอง เวทนาทางกายไม่สามารถบีบคั้นจิตใจของเรา ให้เป็นทุกข์เกิดความขุ่นมัว เศร้าหมองได้ ให้รู้ตามอาการที่เกิดขึ้นจริง ๆ นี่คือการกาหนดรู้ นี่คืออารมณ์หลัก
อีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของจิต ดูกาย ดูเวทนา แล้วก็ดูจิต แยกสั้น ๆ นะ เรื่องของจิตแยกเป็น ๓ ส่วน หนึ่ง...จิตใจของเรา การดูจิตในจิต ก็คือว่ารู้ว่า หนึ่ง...คิดอะไร สอง...ขณะนี้กาลังมีความคิดเกิดขึ้น สาม...มีความอยากเกิดขึ้น มีความคิดเกิดขึ้น คิดอะไร คิดดีคิดไม่ดี ตรงนี้เขาเรียกว่า เมื่อมีเจตนาตาม กาหนดรู้ความคิด ตามกาหนดรู้ความอยากของตัวเอง เขาเรียกจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ตามกาหนดรู้ ความคดิ ตามกา หนดรคู้ วามอยาก รวู้ า่ รอู้ ะไร รกู้ ารเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยดู่ บั ไป ทเี่ รามกั จะมคี วามรสู้ กึ วา่ ทา อยา่ งไร สตขิ องเราถงึ จะไวจะรเู้ ทา่ ทนั อารมณ์ รเู้ ทา่ ทนั อาการทเี่ กดิ ขนึ้ จะไดไ้ มท่ กุ ขก์ บั อารมณท์ เี่ ขา้ มากระทบ จะไม่ ไหลไม่คล้อยตามอารมณ์อันนี้อย่างหนึ่ง