Page 100 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 100

96
เกิดขึ้น เป็นลักษณะของจิตดวงหนึ่งที่เกิดขึ้น เป็นจิตที่ดีเกิดขึ้น กับที่เรากาหนดไป พอกาหนดอาการของ ลมหายใจไป กาหนดอาการพองยุบไป กาหนดไปสักพัก พอมีความเพ่งจ้องแล้วรู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่สบาย รู้สึกอึดอัด
กับอีกอย่างหนึ่ง เวทนาทางจิต อย่างเช่นความทุกข์ ความรู้สึกไม่ดีเกิดขึ้นมา มีผัสสะทางตาบ้าง ทางหูบ้าง เกิดความรู้สึกหงุดหงิด ราคาญขุ่นมัวขึ้นมา เป็นทุกข์ขึ้นมา ขุ่นมัวและเป็นทุกข์อันนั้นคือเวทนา ทางจิต ทีนี้เวทนาทุกอย่าง เวทนาทุก ๆ เวทนา ไม่มีเวทนาตัวไหนอยู่นอกกฎไตรลักษณ์ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับ ไปตลอด แม้แต่ทุกข์เขาก็ทุกข์ไม่นาน เดี๋ยวเขาก็ดับไป เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่า พอทุกข์ไม่นานก็ดับไป พอความทุกข์ดับไปใจว่าง ๆ สบาย ๆ แล้วเราก็มองข้ามความไม่ทุกข์ มองข้ามความรู้สึกที่มันไม่ได้ทุกข์ เลยไม่รู้ว่าจะพัฒนาจิตที่ไม่ทุกข์อย่างไร ให้มีกาลังมากขึ้น...เรามองข้ามไป แต่เวลาความทุกข์เกิดขึ้นมัน จะมีแรงกระตุ้น แรงผลักดันให้เราคิดเรื่องนั้นซ้า ๆ ๆ ทาให้ทุกข์เพิ่มขึ้น เขาเรียกว่าปรุงแต่งต่อ เราเรียก ว่ามีตัวสังขารเข้าไปปรุงแต่ง ปรุง ๆ ไปแล้ว ถ้าปรุงเฉย ๆ ไม่เข้าไปยึดว่าเป็นของตัวเองก็จะไม่ทุกข์ แต่ถ้า ปรุงแล้วไปยึดว่าเป็นของเรา เรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับของเราทั้งหมด ปรุงแต่งมากเท่าไหร่ความทุกข์มาก เทา่ นนั้ ถา้ ปรงุ แตง่ แลว้ ไมม่ ตี วั ตน พจิ ารณามนั เปน็ แบบนนั้ ๆ กลายเปน็ พจิ ารณาไป แลว้ กไ็ มท่ กุ ขก์ บั เวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นเวลาเวทนาเกิดขึ้น สรุปสั้น ๆ ก็คือเวลามีเวทนาเกิดขึ้น หน้าที่ของเราทาอย่างไร... หน้าที่ของผู้ปฏิบัติ ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกาหนดรู้ กาหนดรู้ว่าเกิดแล้วนะ ดับแล้วนะ ๆ เกิดอย่างนี้ดับแบบนี้ ดับเร็วกว่าเกิด ดับช้ากว่าเดิม ดับแบบกระจายไป ดับแบบสลายไป แบบจางไป อันนี้คือกาหนดรู้อาการ ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง จาไว้เลยว่าความทุกข์ก็ไม่เที่ยง จะได้ไม่ต้องยึดความทุกข์มากมายในชีวิต มาเมื่อไหร่ ไม่เที่ยง ปล่อยไป
บางทปี ฏบิ ตั ทิ พี่ ดู ซา้ เสมอกค็ อื วา่ พอเรมิ่ ปฏบิ ตั ธิ รรมระวงั นะเดยี๋ วจะตดิ สขุ กวา่ จะหาความสขุ เจอ ใช้เวลาตั้งนาน พอเจอหน่อยหนึ่งกลัวติดซะแล้ว แต่ความทุกข์มาบ่อย ๆ ไม่เห็นใครบอก ไม่เห็นกลัวติด ทุกข์สักคน แต่ทุกข์ได้ทุกข์ดีไม่เห็นกลัว คือแปลกตรงที่เราเวลาปฏิบัติธรรมเพื่อละทุกข์ แล้วอะไรจะเกิด อะไรจะเกิดก็เกิดเถอะ ถ้าไม่ทุกข์เสียอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขมากขึ้นสบายขึ้นมีความสงบมากขึ้น ไม่จาเป็น ต้องเฉยเมย ไม่จาเป็นต้องแห้งแล้ง สุขเป็นขั้นตอนของเขาเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนเอง สุขก็ไม่เที่ยง อย่าเพิ่งละ อยา่ เพงิ่ กลวั ใหส้ ขุ กอ่ น เดยี๋ วเขาไมเ่ ทยี่ งเอง คอื เรากา หนดรกู้ ารเปลยี่ นแปลงไป อนั นอี้ ยา่ งหนงึ่ นคี่ อื เวทนา ทางจิตอันนี้พูดแบบคร่าว ๆ กว้าง ๆ
อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เวทนาที่เกิดขึ้น เวลากาหนดรู้เวทนา ไม่ว่าจะเป็นเวทนาทางกายหรือเวทนา ทางจิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทนาทางกายที่เกิดขึ้น ให้สังเกตแบบนี้ว่า เวลามีความปวดเกิดขึ้นตั้งสติดี ๆ แล้วเข้าไปกาหนดรู้ว่าความปวดที่เกิดขึ้น กับจิตของเราเป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน จิตที่ทาหน้าที่ รู้กบัความปวดทเี่กิดขนึ้เปน็สว่นเดยีวกนัหรอืคนละสว่นกันสังเกตแบบนี้จากนนั้แลว้สงัเกตว่าความปวด ที่กาลังปรากฏที่กาลังเกิดขึ้นอยู่นี้ มีความเปลี่ยนแปลง มีการเกิดดับอย่างไร มีการเปลี่ยนเกิดดับอย่างไร


































































































   98   99   100   101   102