Page 98 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 98
94
ต่อไปคือเวทนาที่เกิดขึ้น พูดถึงอาการทางกายไปถึงเวทนาแล้ว เร็วมากเลยเวลา เวลาเดินช้านิด หนึ่ง อาจารย์พูดเร็วเดี๋ยวจบก่อน ไล่สภาวะตามพิจารณาตามดูนะ สิ่งที่เราต้องจา สิ่งที่เราต้องทาว่าอาการ ที่เกิดขึ้น ทีนี้อาการทางกายที่เกิดขึ้น เราจะได้รู้ว่าเวลาปวด จะได้ไม่ต้องเป็นวิบากอะไรหนอ ทาไมถึงปวด มากมาย เดยี๋ วปวดตรงนนั้ ปวดตรงนี้ แตจ่ รงิ ๆ แลว้ นเี่ ปน็ สภาวธรรมทบี่ อกวา่ เวทนามกี ารตามรอู้ าการทาง กายแล้วก็เวทนา ทาไมท่านถึงบอกว่ากายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน และธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพราะว่าอาการทางกาย อาการที่ปรากฏเกิดขึ้นนอกจากอาการ ทางกายก็มีเวทนา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่อันนั้นแล้วแต่นะ จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนไหนนั่นอีกเรื่องหนึ่ง แต่มีใครบ้างเกิดขึ้นมาแล้วไม่เคยเจอเวทนาเลยในชีวิต ที่นั่งอยู่นี่นะ โดยเฉพาะ นงั่ บนเกา้ อมี้ ใี ครไมเ่ คยเจอ เพราะทพี่ ดู ถงึ มา ทนี่ งั่ บนเกา้ อี้ เปน็ ผมู้ รี าตรอี นั ยาวนานจะมปี ระสบการณเ์ ยอะ จะรวู้ า่ ชวี ติ ตงั้ แตเ่ กดิ มาจนถงึ ปจั จบุ นั รา่ งกายนเี้ ปน็ ทตี่ งั้ แหง่ ทกุ ข์ เปน็ ทอี่ าศยั ของโรค รา่ งกายนเี้ มอื่ เกดิ ขนึ้ มาย่อมมีเวทนา
เพราะอะไร พระพุทธเจ้าตรัสว่า การเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีร่างกายก็มีเวทนา ทางกาย เวทนาที่พูดถึงเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน การตามรู้เวทนา เวทนาแยกเป็น ๒ อย่างคือเวทนาทาง กายอย่างหนึ่ง กับเวทนาทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งเวทนาต่าง ๆ เหล่านี้ อันที่จริงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรา เรารดู้ วี า่ เวลาเวทนาเกดิ ขนึ้ นนั้ เปน็ อยา่ งไร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ เวลามที กุ ขเวทนาทางกายเกดิ ขนึ้ ไมว่ า่ จะเปน็ ความปวดอาการเมื่อยอาการชาอาการคัน นั่นคือเป็นเวทนาประจากาย ถ้าไม่มีร่างกาย อาการปวดอาการ เมื่อยอาการชาอาการคันแบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีร่างกายนะ
เมอื่ ไหรท่ มี่ รี า่ งกาย เวทนานกี้ จ็ ะเกดิ ขนึ้ เปน็ ธรรมดา กบั เวทนาทางจติ ถงึ ไมม่ รี า่ งกายเวทนาทางจติ กเ็ กดิ ขนึ้ ได้ เพราะฉะนนั้ เวทนาทางกายทเี่ กดิ ขนึ้ เวทนาเปน็ ขนั ธ์ ๆ หนงึ่ เปน็ สภาวธรรมหนงึ่ ทเี่ ราควรเขา้ ไป เรียนรู้ หรือผู้ปฏิบัติธรรมต้องเข้าไปกาหนดรู้ เขาเรียกมีทุกขเวทนาเกิดขึ้นมา ทุกขเวทนาทางกายเกิดขึ้น มา มเี จตนาเขา้ ไปกา หนดรถู้ งึ เวทนานนั้ เวทนาเปน็ ของไมเ่ ทยี่ ง เวทนาเปน็ ของไมเ่ ทยี่ งมคี วามเปลยี่ นแปลง คาว่าไม่เที่ยงนี่ลึกซึ้ง ลึกซึ้งตรงที่ว่า ไม่รู้ว่าเวทนาที่เกิดขึ้นนั้นจะเปลี่ยนไปอย่างไร มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่ กับเหตุปัจจัย ณ ขณะนั้น บางทีเวทนาที่เคยเกิด เราเคยปวดขนาดนี้ พอนั่งสมาธิเจริญกรรมฐานปุ๊บ เรา เคยเจอปวดมากเลย ปวดจนเราหวาดระแวง พอนงั่ บลั ลงั กต์ อ่ ไปพอเรมิ่ ปวดเรมิ่ ระแวงแลว้ สดู้ ไี มส่ ดู้ ี สไู้ หว ไมไ่ หว ชนะไมช่ นะ เกดิ ความหวาดระแวงวติ กกงั วลและทา ใหจ้ ติ ใจไมม่ นั่ คง เพราะเราไมม่ นั่ ใจวา่ เวทนาจะ เป็นอย่างไร แต่พอสู้จริง ๆ อ้าว!แป๊บเดียวหายแล้ว พอความตั้งใจกาหนดรู้แป๊บเดียวอ้าว!ไม่เหมือนเดิม นั่นคือความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง
ลักษณะของเวทนาแบบนี้ การกาหนดรู้ จริง ๆ แล้ว เวทนาที่เกิดขึ้นจากการเจริญกรรมฐานของ เรา เวทนาแต่ละขณะ แต่ละลักษณะ เป็นตัวบ่งบอกถึงกาลังของสติสมาธิปัญญาของเรา ว่าแก่กล้าแค่ไหน เวทนาจงึ เปน็ แบบนนั้ เวทนาแบบนนั้ จงึ ปรากฏชดั ขนึ้ มา อนั นอี้ ยา่ งหนงึ่ แสดงวา่ เขาเรยี กวา่ เวทนาทเี่ กดิ จาก ปัญญาเข้าไปพิจารณา ลักษณะอย่างไรที่บ่งบอกถึงปัญญาที่แก่กล้าขึ้น คือลักษณะการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ของเวทนา บางครั้งเราเห็นว่าเห็นขณะเกิดเวทนา เกิดขึ้นตั้งอยู่ การดับไม่มี มีแต่ปวดขึ้น ๆ ๆ เกิดขึ้นตั้ง