Page 36 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 36
32
ความหมายของการกระทบ คือกระทบจิตใจของเรา แต่ผัสสะที่เกิดทางตา เสียง การเห็นการ ได้ยิน การรับรู้รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสธรรมารมณ์ยังทาหน้าที่รับรู้เป็นปกติ เขาเรียกว่าอารมณ์ที่เข้ามา กระทบทางทวารทั้ง ๖ ยังปรากฏตามปกติ แต่ไม่กระทบจิตใจทาให้จิตใจไม่ขุ่นมัว
แม้แต่ความคิดที่ปรากฏเกิดขึ้น ความคิดที่เกิดขึ้น อย่างหนึ่งที่บอกว่าลองให้ความคิดเรื่องที่คิด เกิดในที่ว่าง ๆ ข้างหน้า ให้ความคิดเกิดอยู่ในบรรยากาศว่างข้างหน้า อยู่ใกล้แค่นี้หรือไกลแค่ไหนก็ตาม อยู่ที่เราวางตาแหน่งของสติเรา ถ้าความคิดเรื่องนี้อยู่ใกล้แล้วหนัก ลองเอาความคิดนั้นอยู่ไกล ๆ ห่างไกล ออกไปอีก ไกลเท่าที่เรารู้สึกว่าไม่ต้องยึดเอาไว้ ไม่ต้องยึดความคิดนั้น ไม่ต้องประคองความคิดนั้น ไกล แล้วก็หายไปก็หายแล้ว ใจเรารู้สึกอย่างไร สภาพจิตรู้สึกอย่างไร แม้แต่ความคิดที่เกิดขึ้น ให้เขาปรากฏ อยู่ในบรรยากาศห่างจากตัวปุ๊บ กลายเป็นว่าเราสามารถคิดรับรู้ความคิดผ่านบรรยากาศนั้นได้ รับรู้ความ คิดที่เกิดอยู่ในบรรยากาศ และก็มองผ่านบรรยากาศนั้นได้เช่นกัน
นคี่ อื วธิ กี ารทนี่ า จติ ทดี่ แี ลว้ เอามาใชง้ าน การทเี่ รามเี จตนาทจี่ ะรบั รใู้ นลกั ษณะอยา่ งนี้ นกี่ ค็ อื ปญั ญา เจตนาทจี่ ะรบั รดู้ ว้ ยความรสู้ กึ อยา่ งไมม่ ตี วั ตน ดว้ ยความรสู้ กึ ทวี่ า่ ง ความรสู้ กึ ทสี่ งบ ทเี่ บาทโี่ ปรง่ ทใี่ สทสี่ วา่ ง ที่ว่างจากตัวตน และถ้าเราสารวจสภาพจิตตรงนั้น สภาพจิตที่ว่างจากตัวตน
ถ้าเราเข้าไปสารวจ จริง ๆ แล้ว อาจารย์ใช้คาว่าสารวจ ทาไมไม่ใช้คาว่าพิจารณา เพราะเมื่อไหร่ก็ตาม เมอื่ พวกเราจะแยกกนั ระหวา่ ง พจิ ารณากบั สงั เกตสา รวจมนั จะซอ้ นกนั เสมอ พจิ ารณาปบุ๊ เราจะคดิ ๆ ๆ แต่ การสา รวจหรอื สงั เกตไมต่ อ้ งคดิ แคเ่ ขา้ ไปรใู้ หช้ ดั เจน เหมอื นเราเขา้ มาในศาลาทกี่ วา้ งสา รวจดสู วิ า่ ในศาลานี้ มอี ะไรบา้ ง จติ ทวี่ า่ งนแี่ หละเขา้ ไปดจู ติ ทวี่ า่ ง บรรยากาศทกี่ วา้ งสภาพจติ ทวี่ า่ งเขาวา่ งจากอะไร วา่ งแลว้ ดไี หม ว่างใสว่างแล้วสงบว่างแล้วเบา เมื่อสภาพจิตเป็นอย่างนี้รู้สึกเป็นอย่างไร สบายแค่ไหน จิตที่ว่างรับอะไร ได้บ้าง จิตที่ว่างเขายึดอะไร จิตที่ว่าง อะไรค้างได้อะไรค้างไม่ได้ เมื่ออารมณ์ไม่ค้างอยู่ในจิตเราแล้ว เหลืออะไร ก็เหลือจิตที่ว่าง และจิตที่ว่างนั้นดีไหม ดีสาหรับอะไร เราสามารถเติมอะไรที่ดี ๆ ลงไปในจิต ที่ว่างนั้นอีกได้ไหม เพิ่มความรู้สึกดี ๆ นึกถึงความเป็นกุศล นึกถึงความดีเพิ่มพลังความดีลงไปอีกได้ หรือเปล่า
นี่คือการสารวจจิตของเรา เข้าไปรู้ การพิจารณา จริง ๆ แล้ว ถ้าพูดภาษาคาว่าพิจารณาธรรม นี่คือ การเขา้ ไปพจิ ารณาดวู า่ สภาวธรรมทกี่ า ลงั ปรากฏ สภาพจติ ทเี่ ปน็ อยนู่ เี้ ขาดอี ยา่ งไรไมด่ อี ยา่ งไร และสภาพจติ เหล่านี้ เมื่อสภาพจิตเหล่านี้เกิดขึ้น อีกอย่างหนึ่งเรามีความรู้สึกว่าเราต้องใช้งานเขา เราต้องใช้งานเขาหรือ เขาทาหน้าที่โดยปกติ ไม่ต้องพยายามที่จะใช้ความสงบรับรู้อารมณ์ ไม่ต้องพยายามที่จะใช้ความเบารับรู้ อารมณ์ แต่กลายเป็นว่าความรู้สึกที่เบาทาหน้าที่รับรู้อารมณ์ ความสงบทาหน้าที่รับรู้อารมณ์โดยอัตโนมัติ เองหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่เราพิจารณาสภาวธรรม
ทาไมถึงต้องปฏิบัติกาหนดรู้อาการพระไตรลักษณ์ เพื่อให้จิตผ่องใสขึ้นสงบขึ้นตั้งมั่นขึ้น แล้วเขา จะทาหน้าที่ของเขาเองโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องพยายามที่จะใช้งานเขา แต่ทาให้เขาเกิดขึ้นและไม่ต้อง พยายามที่จะปล่อยวางด้วยซ้า แค่กาหนดรู้ถึงความไม่มีตัวตนและมีบรรยากาศ ตรงนี้เป็นตัวกรองรองรับ