Page 71 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 71

67
อย่างเช่น มีเงาดา ๆ ปวด ๆ ตื้อ ๆ อยู่ที่สมองเรานี่นะ เราเอาจิตที่ว่าง ๆ เข้าไป ค่อย ๆ คลาย ๆ ให้เขาหมดไป แล้วดูว่าสมองโปร่งขึ้น โล่งขึ้นไหม ตรงนี้รู้สึกดีไหม นี่คือเอาจิตที่ว่าง ๆ ไปใช้งาน ทีนี้พอ พูดถึงนี่คือ เวทนาอย่างหนึ่ง เป็นเวทนาที่เรา...เป็นการกาหนดเวทนาอย่างหนึ่ง ทีนี้ในการกาหนดเวทนา นี่นะ พอละเอียดขึ้นไปอีก เวทนาที่เกิดขึ้น ความปวดท่ีเกิดขึ้น พอเกิดอยู่ในความว่างเมื่อไหร่ การที่จะ เพิกบัญญัติ รูปบัญญัติได้ ความเป็นกลุ่มก้อนของเวทนาเอง ก็จะค่อย ๆ สลายไป เหลือแต่อาการเกิดดับ บางทีก็วึบหาย ๆ ตรงนี้เหลือแต่อาการ กลายเป็นอารมณ์ปรมัตถ์
แลว้ จติ ทไี่ ปรู้ ตอ่ ไปกค็ อื วา่ ขณะทรี่ เู้ วทนา เวทนาเกดิ วบึ ดบั ๆ ตอ่ ไป...ดจู ติ ทไี่ ปรดู้ บั ดว้ ยไหม ดบั ไป ด้วยกับเวทนาไหม ดับ...ก็วับดับ จิตดับ จิตที่ไปรู้ดับด้วยไหม แต่ละครั้ง ๆ ๆ สนใจตรงนี้ปุ๊ป กลายเป็น ว่า เวทนาที่เกิดขึ้นแสดงอาการพระไตรลักษณ์ แม้แต่ตัวจิตที่ทาหน้าที่รู้เอง ก็แสดงอาการพระไตรลักษณ์ คือเกิดดับเหมือนกัน กลายเป็นว่า นี่คือธรรมชาติของรูปนามที่กาลังเกิดดับ ทาหน้าที่ของตน ๆ หน้าที่ของ ผู้ปฏิบัตินี่นะ คือมีหน้าที่ใส่ใจ ตั้งใจที่จะพิจารณาสภาวธรรมที่กาลังปรากฏ ที่เป็นปัจจุบันขณะจริง ๆ ที่ กาลังปรากฏเกิดขึ้น ว่าเกิดดับอย่างไร
อันนี้คือ วิธีการกาหนดเวทนา หนึ่งเวทนากับจิตเป็นคนละส่วนกัน เวทนานั้นเกิดอยู่ที่ไหน แล้ว เวทนาที่เกิดขึ้น เกิดดับอย่างไร ทาแบบนี้ซ้า ๆ เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็ทาหน้าที่แบบนี้ ทาแบบนี้ ทีนี้พอแยก แบบนแี้ ลว้ อกี เรอื่ งหนงึ่ ทที่ า ใหเ้ รารสู้ กึ วา่ เวลาปฏบิ ตั ธิ รรมแลว้ ไมส่ มหวงั ไมส่ มั ฤทธผ์ิ ล หรอื ทา แลว้ ไมไ่ ดผ้ ล จริง ๆ พูดซ้า ขอพูดซ้าอีกทีหนึ่ง เพื่อชัดเจน ทีนี้พอเราแยกแบบนี้ แยกจิตกับกายออกจากกันเป็นคนละ สว่ นกนั จติ กบั ลมหายใจเปน็ คนละสว่ นกนั จติ กบั เวทนาเปน็ คนละสว่ นกนั ลองดเู วลาคดิ จติ ทวี่ า่ ง ๆ เบา ๆ กับเรื่องที่คิด เป็นส่วนเดียวกันหรือคนละส่วนกัน ให้กาหนดแบบนี้
จิตที่ว่าง ๆ พยายามดูจิตเราให้กว้าง เพราะอะไร เพราะเวลาเราคิด สังเกตไหมว่าเวลาเราคิด พอคิดถึงเรื่องอะไร ถึงสิ่งไหน ภาพของเรื่องนั้น สิ่งนั้นก็ปรากฏขึ้นมา เขาเรียกว่าเป็นมโนภาพ ภาพที่ ปรากฏในใจของเรา คิดถึงโต๊ะทางานรู้สึกอย่างไร เห็นภาพโต๊ะไหม พอคิดถึงบ้าน รู้สึกไหม มันก็แว็บ ทันที ไม่ต้องไปคิดนานหรอก พอพูดถึงบ้านปุ๊ป บ้านก็แว็บเลย สังเกตไหม ไวมากเพราะเป็นอะไร เป็น สัญญา
พอเราคิดปุ๊ป เขาก็แว็บขึ้นมา คิดปุ๊ปไม่ต้องมาปรุงแต่ง ว่าบ้านต้องมีหน้าต่าง มีเสา มีคาน มีบาน ประตู มีหน้าต่าง ไม่ต้องปรุงนานขนาดนั้น เพราะเขาปรุงเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่สัญญาที่เราเห็น ทีนี้ภาพ ตรงนี้นี่แหละ ภาพที่ปรากฏขึ้นมา ลองดูภาพที่กาลังปรากฏขึ้นมา กับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เขาเป็นส่วนเดียวกัน หรือคนละส่วนกัน พอเป็นคนละส่วน ภาพบ้านทาได้ แล้วภาพเรื่องราว ภาพของคน เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร เกี่ยวกับคน เกี่ยวกับงาน
เพราะฉะนั้น เรื่องราวเหล่านี้ก็เหมือนกัน กับคน สมมติว่าคนนี้เราไม่ชอบ ไม่เรียกไม่ชอบนะ เขา เรียกว่า...ชะตาไม่ต้องกัน เห็นเมื่อไหร่ก็ใจสั่นทุกที รู้สึกไม่สบายใจทุกทีเลย ลองดูว่า ถ้าเห็นแบบนั้น แล้ว จิตเรากว้างกว่าภาพนั้น ภาพนั้นภาพของคนนั้น ลองมองข้างหน้าก็ได้ โยคีที่นั่งอยู่ข้างหลัง ให้จิตเรากว้าง


































































































   69   70   71   72   73