Page 80 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 80
76
เ พ ร า ะ ฉ ะ น นั ้ ก า ร ท เี ่ ร า . . . ป ญั ญ า ท เี ่ ร ยี ก ค ว า ม เ ห น็ ท ถี ่ กู ต อ้ ง เ ห น็ แ ล ว้ ค ว า ม ท กุ ข ด์ บั ไ ป เ ห น็ อ ะ ไ ร ค ว า ม ทุกข์ถึงจะดับ เห็นไหม อะไรนะ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องสัมมาทิฏฐิ เรื่องมรรค ๘ เริ่มต้นด้วยสัมมาทิฏฐิ ที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์นี่นะ เห็นอย่างไร...ความทุกข์ถึงจะไม่เกิด ความเห็น ความเข้าใจอย่างไร ความทุกข์จึงไม่เกิด เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตาม ที่พอเราเห็นว่าการแยกรูปนาม แยก กายแยกจิต จิตกับกายแยกจากกันเมื่อไหร่ ความทุกข์ก็ไม่เกิด อันนี้เริ่มจากตรงนี้
ทีนี้ลองดูว่า พอไม่มีตัวตน รูปนามแยกจากกัน ที่ถามว่า มีเราไหม พอไม่มีเรา จิตที่ไม่มีเรา ทา หน้าที่รับรู้อารมณ์ได้ไหม คาถามต่อมา ทาไมถึงถามอย่างนี้ เพราะว่า ถามเพื่อให้เรารู้ว่า ไม่มีตัวตนแล้ว ยังพิจารณาอารมณ์ต่าง ๆ รอบตัวได้ ไม่ใช่ว่า...เพื่อละตัวตนและเพื่อให้ว่างอย่างเดียว ว่างจากตัวตน ว่าง จากความเป็นเรานี่นะ จิตที่ว่างจากตัวตน ว่างจากความเป็นเรา เขาเรียก เป็นอนัตตา
แล้วไม่ใช่แค่แยกรูปนาม และจิตบอกไม่เป็นเรา แม้แต่ตัวที่นั่งอยู่นี่นะ ที่เราเรียกว่าตัวของเรา ๆ พอแยกจากกันเมื่อไหร่ ตัวนี้บอกว่าเป็นเราไหม...ไม่บอกว่าเป็นเรา แล้วรู้สึกเป็นอย่างไร...สบาย ทาไมการ ค้นคว้าธรรม พิจารณาธรรม อันนี้เราเริ่มพิจารณาธรรมแล้วนะ พอแยก แล้วกาหนดรู้ถึงความไม่มีตัวตน ละอัตตาแล้ว มาพิจารณารูปนี้ บอกว่าเป็นเราหรือเปล่า ทาไมพระพุทธเจ้าถึงตรัส รูปเป็นอนัตตา ทาไม พระพุทธเจ้าตรัสถึงรูปเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา วิญญาณ คือวิญญาณรู้ จิตที่ทาหน้าที่รู้ กับกาย ท่ีนั่งอยู่ แยกรูปนาม ๒ อย่างนี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นเรา พอไม่ได้บอกว่าเป็นเรา ผลที่ตามมาคืออะไร ความ ไม่ทุกข์
หรอื แมแ้ ตค่ วามทกุ ขท์ มี่ อี ยู่ หรอื แมค้ วามทกุ ขท์ เี่ กดิ ขนึ้ อยนู่ นี่ ะ พอแยกเปน็ คนละสว่ น ความทกุ ขน์ นั้ ยังอยู่ หรือหายไป ดับได้ไหม นี่คือการพิจารณาธรรม เพราะฉะนั้น การละตัวตนตรงนี้ ละตัวตน ดับตัวตน แล้วค้นธรรม ตรงนี้แหละ เราค้นถึงประโยชน์ การละตัวตนแล้ว ประโยชน์ธรรมะที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร บ้าง...อารมณ์ที่เกิดขึ้น
ทีนี้เราจะค้นอะไรอีก ค้นต่อไปว่า พิจารณาต่อไปว่า แม้แต่กายกับจิตเราแยกจากกัน ไม่เป็นตัวเรา ของเรา แล้วเสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่สัมผัส ความคิดที่เกิดขึ้น กับจิตที่ทาหน้าที่รู้ เป็นส่วนเดียวกันไหม บอก ว่าเป็นของเราไหม เวทนาที่เกิดขึ้นนี่นะ เป็นส่วนเดียวกันกับจิตที่ทาหน้าที่รู้ไหม บอกว่าเป็นเราไหม เป็น อัตตาไหม เขาเป็นส่วนเดียวกัน หรือคนละส่วนกัน ตรงนี้คือการทาวิจัย ธัมมวิจยะ คือการสอดส่องธรรม พิจารณาธรรม
ที่ถามว่า ทาไมเป็นอันเดียวกัน เป็นตัวเราไหม พระพุทธเจ้าตรัสว่า เป็นอนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ เปน็ อนตั ตา คา วา่ ไมเ่ ทยี่ งเปน็ ทกุ ขเ์ ปน็ อนตั ตา อนั นพี้ ดู ถงึ อนจิ จลกั ษณะ ทกุ ขลกั ษณะ และ อนตั ตลกั ษณะ เห็นไหม เวทนา ไม่ใช่พูดถึงว่าเวทนา ทุกขเวทนาท่ีเป็น...ปวด หรือสุข ทุกข์ แต่เป็นทุกขลักษณะ หรือ อนัตตลักษณะ อนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ คือเกิดแล้วดับไป ไม่มีอะไรตั้งอยู่ในสภาพเดิมได้ เกิดแล้ว ต้องดับ เกิดแล้วต้องดับไป อนัตตลักษณะ คือลักษณะที่บังคับบัญชาไม่ได้อย่างหนึ่ง ที่บอกว่าไม่มีเรา ไม่ใช่ตัวเราของเรา นั้นอย่างหนึ่ง