Page 81 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 81

77
ลองสังเกตดู การแยกแบบนี้นี่แหละ เป็นตัว...ไม่มี เขาเรียกดับตัวต้นแล้วค้นธรรม พิจารณาธรรม ธรรมะคา สอนของพระพทุ ธเจา้ พอพจิ ารณาอยา่ งนี้ พอเหน็ ความเปน็ คนละสว่ นอยา่ งนี้ ลองดจู ติ ใจเรารสู้ กึ เป็นอย่างไร สบายไหม ผัสสะที่กระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ที่เกิดขึ้นนี่นะ ส่ง ผลต่อจิตใจเป็นอย่างไร ส่งผลเป็นทุกข์ไหม อกุศลเกิดไหม อันนี้คือดับตัวตน แล้วพิจารณาสภาวธรรมที่ เกิดขึ้น
แต่ทีนี้ เราพิจารณาสภาวธรรมแบบนี้ การพิจารณาสภาวธรรม ตรงนี้มีเจตนาเอาธรรมะเป็นที่ตั้ง ไมใ่ ชเ่ อาความชอบ...เราเปน็ ทตี่ งั้ ไมใ่ ชเ่ อาบคุ คลเปน็ ทตี่ งั้ แตเ่ อาธรรมะเปน็ ทตี่ งั้ คา วา่ ธรรมะเปน็ ทตี่ งั้ ตรงนี้ ทุก ๆ อารมณ์ ทุก ๆ อาการที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จะตั้งอยู่ในกฎไตรลักษณ์ เหมือนกันทั้งหมด ไม่ลาเอียง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งนั้น ดีไม่ดี ดีไม่ดี ชอบไม่ชอบ ก็จะอยู่ในลักษณะเดียวกัน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เพราะฉะนนั้ การทเี่ ราจะเหน็ ถงึ การเกดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดบั ไป ไดช้ ดั เจนนนี่ ะ ทา อยา่ งไร การทจี่ ะพจิ ารณา ถึงอาการพระไตรลักษณ์ตรงนี้ได้ชัดเจน จึงละ จึงต้องดับตัวตนก่อน ละตัวตน คลายอัตตา ละความเป็น อัตตา พอละอัตตาปุ๊ป สิ่งที่ต้องตามมาคืออะไร พอไม่มีตัวตน ปรับทิฏฐิของเราให้ตรง ปรับทิฏฐิของเรา ให้ตรง ความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้น ก็คือว่า เราพิจารณาอะไร พิจารณาอย่างไร ความเห็นที่ถูกต้อง ที่ถูกตรง ตามธรรมะ คาสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะการพิจารณาอาการพระไตรลักษณ์นี่นะ เห็นอาการเกิดดับ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ทาไมต้อง สนใจ การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เพราะนั่นคือธรรมชาติจริง ๆ และการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปนี่นะ เราก็เริ่ม สังเกต เราเองนี่นะปฏิบัติธรรม ชาวพุทธเรามักจะคิดว่า โห! คนเราไม่เที่ยงหรอก...อายุ เดี๋ยวเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา เราพูดกันตลอดเลย เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาตลอด ไม่มีใครพ้นจาก ความตายไปได้ พอมรี า่ งกายเสอื่ มไป มคี วามปวดเกดิ ขนึ้ พอฟนั เรมิ่ ...จาก เรากเ็ รมิ่ โอ!้ มนั ไมเ่ ทยี่ ง สงั ขาร ไม่เที่ยง เริ่มเปลี่ยนไป สีผมเปลี่ยนไป ก็สังขารไม่เที่ยง
สังขารนั้นคืออะไร รูปสังขารที่มีความเปลี่ยนแปลง เราเห็นแบบนี้อยู่ ตรงนี้คือขณะใหญ่ เป็นตัว ประกาศสัจธรรมว่า นี่คือความไม่เที่ยง แต่ในความไม่เที่ยงที่เป็นบัญญัตินี่นะ เป็นรูปเป็นใหญ่ ส่วนใหญ่ ผมของเรา ฟันของเรา ผิวของเรา ตาของเรา หนังขอเรา กระดูกของเรา กลายเป็นอย่างไร เป็นเราแบบนั้น เรายงั ยดึ วา่ เปน็ ของเราอยู่ ถงึ แมจ้ ะเขา้ ใจถงึ กฎไตรลกั ษณ์ เขา้ ใจถงึ ความไมเ่ ทยี่ ง ถามวา่ ยงั ทกุ ขไ์ หม...ทกุ ข์
นี่คือคาถาม คือว่ารู้แล้ว แต่ทาไมยังทุกข์อยู่ กับการที่เราได้เห็นถึงความไม่มีตัวตน ความทุกข์ใจ เป็นอย่างไร ไม่มีเราปุ๊ป ความทุกข์หายไป เพราะฉะนั้น การดับตัวตนแล้วค้นธรรม พิจารณาสภาวธรรมนี่ นะ จงึ เปน็ สงิ่ สา คญั ทนี กี้ ารพจิ ารณาสภาวธรรมนนี่ ะ ตอ้ งพจิ ารณาทงั้ บญั ญตั แิ ละปรมตั ถ์ ทงั้ ของหยาบและ ข อ ง ล ะ เ อ ยี ด ข อ ง ห ย า บ เ ป น็ อ ย า่ ง ไ ร อ า ร ม ณ ห์ ย า บ ๆ น ะ ไ ม ใ่ ช ข่ อ ง ห ย า บ ห ร อ ก อ า ร ม ณ ท์ วั ่ ไ ป อ า ร ม ณ บ์ ญั ญ ตั ิ สมมติสัจจะ ความจริงโดยสมมติ บัญญัติทั่วไปนี่นะ เห็นคน เห็นบุคคล เห็นสิ่งของ เรื่องราวต่าง ๆ เห็น คนก็เป็นคน อย่าเห็นคนเป็นอย่างอื่นนะ เอ่อ!เห็นคนก็เป็นคน เห็นวัตถุก็เป็นวัตถุ เห็นสิ่งของเป็นสิ่งของ


































































































   79   80   81   82   83