Page 9 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การยกจิตขึ้นสู่ความว่าง
P. 9
5
เมื่อเวทนาหมดไป/เวทนาหายไปแล้ว มีอะไรปรากฏขึ้นมาแทน มีความคิดเกิดขึ้นมา เราก็เข้าไปรู้ความคิด ต่อ นั่นเขาเรียกไปรู้อารมณ์อื่น/อารมณ์ใหม่ต่อไป เพราะนั่นคืออารมณ์ปัจจุบันที่เข้ามาต่อจากเวทนา
อารมณ์อื่น ๆ ก็ให้พิจารณาในลักษณะอย่างนี้เช่นเดียวกัน การกาหนดรู้ดูในลักษณะอย่างน้ีไป เรื่อย สภาวะที่เกิดขึ้น/อารมณ์ต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไปปรากฏขึ้นมาให้เรารับรู้ ก็จะกลายเป็นอารมณ์ปัจจุบัน ต่อ ๆ ไป เมื่อเรารู้การเปลี่ยนแปลงในลักษณะอย่างนี้ จิตเราจะไม่เซ็ง จะมีงานให้จิตเราตามรู้ตามดูอยู่ เนือง ๆ อยู่ตลอดเวลา ได้พิจารณาถึงความเป็นไปของรูปนามของกายของจิตเรา ว่าจริง ๆ ที่ว่าไม่เที่ยงนั้น เป็นอย่างไร อ๋อ! เขาเปลี่ยนอยู่เสมอแบบนี้เอง เดี๋ยวเปลี่ยนอย่างนั้น เดี๋ยวเปลี่ยนอย่างนี้... แล้วทีนี้เราก็จะ ได้พิจารณาเข้าใจว่า ที่อยู่ทุกวันนี้ ชีวิตของเราเป็นอย่างไร
เราอยู่กับความเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา แต่ว่าเรารับไม่ได้ เราไม่เข้าใจ หรือทาให้เรา เกิดความทุกข์ มีความไม่สบายใจเกิดขึ้น จริง ๆ แล้วเขาก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความสุขไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยงหรอก ความทุกข์เกิดอยู่ได้ไม่นาน เดี๋ยวเขาก็ผ่านไป เพราะความทุกข์ก็ไม่เที่ยง! แต่ การที่เราพอใจที่จะรู้ถึงจิตที่ดี จิตที่เป็นกุศลของตัวเอง จะทาให้ความสุขตั้งอยู่ได้นาน ปัญญาตามมา... ยิ่ง มีปัญญามากเท่าไหร่ ความทุกข์จะดับเร็วเท่านั้น ความสุขก็จะตั้งอยู่ได้นานได้ยาวขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้น การพิจารณาถึงความเป็นไปถึงธรรมชาติของรูปนามของกายของจิตเราที่กาลังเป็นไปอยู่ จึงเป็นสิ่งสาคัญ
เพราะฉะนนั้ ทกุ ครงั้ ทเี่ ราปฏบิ ตั ธิ รรม ใหม้ คี วามพอใจทจี่ ะรู้ เขาเรยี กมตี วั ฉนั ทะ มคี วามพอใจทจี่ ะ เข้าไปกาหนดรู้ พอใจที่จะทา รู้ถึงการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไปของทุก ๆ อารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นอาการของเสียง ที่ได้ยิน กลิ่นที่เข้ามา กายสัมผัสเย็น-ร้อน-อ่อน-แข็ง-เคร่งตึง-หนัก-เบา เวทนา-ความปวด-เมื่อย-ชา-คันที่ เกิดขึ้นกับร่างกายของเรา แม้แต่ใจที่เป็นสุข มีความสงบ มีความมั่นคง ใจที่นิ่ง ๆ ว่าง ๆ ขอให้มีสติเข้าไป กาหนดรู้ดูว่าเขาเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราจะได้เห็นถึงความจริง เป็นสัจธรรมจริง ๆ ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ดับไป มีแล้วหายไปตลอดเวลา ลองดูว่า มีอะไรบ้างที่บอกว่าเป็นตัวเราของเรา ? เขาก็เปลี่ยนอยู่อย่างนั้นแหละ
ถ้าเราย้อนกลับไปดูในชีวิตของเราก็เช่นกัน เพราะไม่ใช่ของเรา...จึงไม่เป็นตามความอยากของเรา เพราะไม่ใช่ของเรา...เขาจึงเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัยของเขา เพราะไม่ใช่ของเรา...เราจึงบังคับเขา ไม่ได้ นั่นคือธรรมชาติ สิ่งที่เราทาได้คือทาเหตุปัจจัยให้ดีเท่านั้นเอง นั่นคือหน้าที่ของเรา เราเกิดมาบนโลก ใบนี้ เราอาศยั อยบู่ นโลกใบนไี้ ดไ้ มน่ าน อกี ไมน่ านกเ็ ปลยี่ นภพภมู ไิ ปตามกาลเวลาตามเหตปุ จั จยั ของเขา ทกุ อย่างล้วนตั้งอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ เพราะฉะนั้น การที่เราทาความเข้าใจ กาหนดรู้ถึงความเป็นจริงตรงนี้ จึงเป็นสิ่งสาคัญ เราจะได้เห็นสัจธรรม อย่างที่พูดตั้งแต่แรกแล้วว่า เมื่อเห็นสัจธรรมความเป็นจริงแล้ว เข้าถึงแล้ว จะคิดว่าอย่างไร จะทาความเข้าใจเขาว่าอย่างไร ? หรือธรรมะที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าเราบอกอะไร กับเรา เขาสอนอะไรเราบ้าง ?
น นั ่ แ ห ล ะ ค อื ส งิ ่ ท เี ่ ร า ต อ้ ง พ จิ า ร ณ า ป ญั ญ า จ ะ ไ ด เ้ ก ดิ แ ล ว้ เ ร า จ ะ ไ ด ร้ ว้ ู า่ ธ ร ร ม ะ ก บั ช วี ติ ข อ ง เ ร า น นั ้ ไ ม ไ่ ด ้ แยกสว่ นกนั เลย ธรรมะกค็ อื ชวี ติ ชวี ติ กค็ อื ธรรมะ เปน็ ไปดว้ ยกนั เสมอ เพยี งแตว่ า่ เราจะใหธ้ รรมะแบบไหน