Page 25 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การปรับอินทรีย์
P. 25

277
เพราะฉะนั้นพอพลังเต็มขึ้น เขาไม่ใช่สงบเงียบ แล้วพร้อมที่จะหลับ พอเต็มขึ้นมา จิตจะตื่นตัวมี ความตงั้ มนั่ เพราะฉะนนั้ สตกิ บั สมาธริ วมกนั เมอื่ ไหร่ ตรงนแี้ หละเรยี กวา่ ปรบั สมดลุ กนั ระหวา่ งสตกิ บั สมาธิ สมดุลกัน จิตจะตั้งมั่นเข้มแข็ง สติสัมปชัญญะจะดี อาการต่าง ๆ ก็จะชัดเจนขึ้นมา เพราะฉะนั้น การนิ่ง ตรงนี้เป็นสิ่งสาคัญ แล้วตรงนี้พูดถึงความคิด ทีนี้บางขณะสภาวธรรมเขาละเอียด เขาเกิดดับเร็ว ๆ เดี๋ยว ก็แว็บตรงนั้น แว็บก็พุ่งเข้ามา พุ่งเข้ามา แว็บ ๆ เร็ว ๆ แล้วตามไม่ทันอาการ วิ่งไม่ทันอาการ ตัวนี้ก็ต้องนิ่ง นิ่งแล้วสังเกต จริง ๆ แล้ว สังเกตคล้าย ๆ กับความคิด ความคิดเขาผุดมา ๆ อาการที่เกิดดับแว็บ ๆ ๆ เร็ว ๆ ขึ้นมาก็เหมือนกัน ก็นิ่งแล้วสังเกตว่าแว็บหาย ๆ ๆ ๆ ต่อไปอาการแว็บหายนี่นะ ถ้าเรานิ่งมากขึ้น กา ลงั มากขนึ้ อาจจะนาน ๆ แวบ็ ทหี นงึ่ นาน ๆ แวบ็ ทหี นงึ่ เขาเรยี กวา่ จากเรว็ ๆ เยอะ ๆ อาการเขากน็ อ้ ยลง พอน้อยลงตรงนี้นะ ถ้าเขาเกิดอยู่ตาแหน่งเดิมที่เดียว ตอนนี้เราก็รอได้เลยว่า เข้าไปกาหนดอาการนั้นให้ ทัน ก็จะทันอาการเอง นี่คือการเพิ่มความนิ่ง
ทีนี้การนิ่งตรงนี้ เกี่ยวกับอารมณ์อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า เวลาที่บอกให้เพิ่มตัวมุ่ง เวลาอาการเกิด ดับขึ้นมาตรงนี้ เราก็ตามรู้เรื่อย ๆ ตามรู้อาการแบบไปเรื่อย ๆ อาการแบบเอื่อย ๆ เราก็ตามแบบเอื่อย ๆ เหมอื นเขา้ ถงึ บา้ งไมถ่ งึ บา้ ง ไมม่ กี า ลงั ตอนทรี่ สู้ กึ วา่ ไมม่ กี า ลงั เขา้ ไมถ่ งึ อาการนแี่ หละ พอรสู้ กึ ไมม่ กี า ลงั เลย เข้าไม่ถึงอาการเกิดดับ ดูที่มันกระเพื่อม มันไหว มันเลือน ๆ ก็ตามดู ๆ ตัวนี้ให้เพิ่มนิ่งแล้วสังเกตอาการ นิ่งแล้วมีเป้าหมาย พอนิ่งแล้วมีเป้าหมาย จิตจะมุ่งไปที่อาการทันที
อย่างเช่น...(พระอาจารย์ยกตัวอย่าง...แก้วน้า) คนที่ไม่หลับก็ลองดูได้นะ ถ้าคนหลับตาก็ไม่เป็นไร ขณะที่มองนี่นะ พอเรานิ่งปึ๊บ สนใจที่แก้ว สนใจที่แก้วที่อาจารย์ถือ พอนิ่งปึ๊บ พอสนใจที่แก้วสังเกตไหม จิตมุ่งมาที่แก้วทันทีไหม นิ่งปึ๊บ เขาชนทันทีเลย นี่คือเข้าถึงอาการโดยปริยาย โดยที่เราไม่ต้องผลักเขาไป นิ่งแล้วสังเกต เขาจะรู้ปึ๊บกระทบแก้วแล้วเป็นอย่างไร ตั้ง...นิ่งหรือดับไป แก้วไม่แตกนะ ความรู้สึกปึ๊บ มุ่งปึ๊บ เขามีอาการ อาจารย์สรุปว่าเห็นแล้วกัน จะตอบอย่างไรดี อาจารย์ถามแล้ว...ตอบในใจ เอ่อ! ตอบ ในใจ พอตอบในใจแล้วก็ถือว่า เห็นว่า...พอนิ่งปึ๊บมันวุบไปนิดหนึ่ง ขณะหนึ่ง วุบไปแล้วชนปึ๊บเขาแว็บไป ชนปึ๊บก็แว็บดับไป บางทีดับวุบลง บางทีกระจายออก อันนี้แล้วแต่คนนะ แล้วแต่กาลังของแต่ละคน
แต่ประเด็นก็คือว่า เมื่อไหร่ที่เรานิ่ง แล้วมีจุดโฟกัสนี่นะ จิตเขาจะไป แต่ถ้านิ่งแล้วพยายามมอง เฉย ๆ นิ่งมองเฉย ๆ กลายเป็นผู้ดู สังเกตนะ ต่างกันนิดหนึ่ง นิ่งแล้วใส่ใจเข้าไปนี่นะ จิตจะแว็บไป แต่ถ้า นิ่งมองห่าง ๆ ไม่นิ่ง เป็นผู้ดู ตรงนั้นกลายเป็นผู้ดูเฉย ๆ เข้าไม่ถึงอาการเหมือนกัน แต่การเจริญกรรมฐาน นี่นะ การกาหนดอารมณ์ได้ปัจจุบันต้องเข้าให้ถึงอาการ เพราะฉะนั้นนิ่งเพื่อที่จะเข้าถึงอาการ นิ่งแล้วก็ สนใจอาการ ตรงนเี้ กยี่ วขอ้ งกบั จดุ หนงึ่ ทบี่ อกวา่ ใหเ้ พมิ่ ตวั มงุ่ นะ เวลาอาการเกดิ ดบั ปบ๊ึ ๆ ๆ แลว้ เรากต็ ามไป อาการนี้ปึ๊บ ๆ ๆ อันนี้ก็ตาม ๆ อยู่ คือเข้าไม่ถึงอาการ
อาการเกิดดับวุบ ๆ ๆ ตอนนี้ก็ตาม ๆ ต้องเพิ่มตัวมุ่ง พอตรงนี้นิ่งปุ๊บ มันจะดึงจิตเรา นิ่งปึ๊บก็วุบ ไปทอี่ าการ นงิ่ ปบ๊ึ จติ จะมงุ่ ไปทอี่ าการ เขาไปของเขาเองไมต่ อ้ งพยายามผลกั ไมต่ อ้ งไปพยายามดนั ดนั แลว้ เหนื่อย เราก็พยายามไปสิ ๆ อันนี้ก็ไม่ไปหรอกนะ ไม่ได้ไปเพราะว่าเราไปผลักเขา แค่นิ่งแล้วสนใจ ตรงนี้ เป็นธรรมดาธรรมชาติเลย โดยที่ไม่ต้องบังคับ นิ่งแล้วใส่ใจ


































































































   23   24   25   26   27