Page 9 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การปรับอินทรีย์
P. 9

261
เป็นกาลังของความมั่นคงความตั้งมั่น ความสมดุลกันของอินทรีย์จะเกิดขึ้น หลังจากนั้นสภาวะก็จะชัด
เพราะฉะนั้น ง่วงไปกาหนดไป กาหนดดูอาการให้มาก ถ้าเราไม่ใส่ใจ แป๊บเดียวก็หลับ แป๊บเดียว ก็หลับ แป๊บเดียวก็หลับ... พอจะไปนอน-นอนไม่หลับ! เพราะเขาหลับตอนนั่งเรียบร้อยแล้ว หลับเป็น ระยะ ๆ เพราะฉะนั้น เวลานอนก็นอนไม่หลับ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือโอกาสตอนนอนนี่แหละ ไม่หลับก็ ช่ํางมันฉันจะกําหนด ไม่หลับก็ถือเป็นโอกาสดี แต่พอนอนไม่หลับ กลัวจะง่วงอีกแหละ ที่ผ่านมามันก็ง่วง อยู่แล้ว อย่ากลัวเลย เขาเรียกว่ารู้จักใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส จริง ๆ ไม่ใช่วิกฤตหรอก เป็นโอกาสที่ดีของเรา เพราะเราหลับเรียบร้อยตอนนั่ง เพราะฉะนั้น ตอนนอนก็เลยตื่น ก็กาหนดไปเหอะ ทาอย่างมีความสุขไป แล้วจะดีเอง
วิธีแก้ความง่วงคือทาแบบนี้ ใครที่รู้สึกว่าง่วง ๆ พอฟังเสียงหายง่วงแล้ว ก็ปฏิบัติต่อ เพราะฉะนั้น เข้าใจแล้วก็ปฏิบัติไป จริง ๆ เราจะให้ถามวันละเรื่อง อีก ๑๐ วันนี่น่าจะได้ ๑๐ เรื่องนะ แล้ววันสุดท้าย จะได้ถามทุกเรื่อง จริง ๆ แล้วสภาวะแบบนี้ตั้งคาถามให้ถูกก็คือว่า “เวลาปฏิบัติธรรมแล้วมีความง่วงควร แก้อย่างไร ?” นั่นคือคาถามที่ชัดเจน ถ้าถาม “การปฏิบัติธรรมกับความง่วง จะเลือกแบบไหนดี ?” ถ้าถาม แบบนจี้ ะบอกไดง้ า่ ยขนึ้ “ถา้ งว่ งขนึ้ มาควรทา อยา่ งไร ?” นอน พกั ผอ่ น นแี่ หละคอื การขดั เกลาคา พดู ปฏบิ ตั ิ ไปจะเข้าใจขึ้น จะได้สื่อให้ถูกมากขึ้น อันนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องผิด เป็นเรื่องปกติเลย ทุกคนเริ่มจับคาพูดเหล่านี้ แล้วค่อย ๆ ปรับ ๆ แล้วก็จะชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพราะฉะนั้น เมื่อเราได้รู้และเข้าใจแล้ว คิดว่าการปฏิบัติต่อไป ปัญหาความง่วงสามารถแก้ได้ นิดหนึ่งนะ การแก้ความง่วง พอลุกขึ้นมาเดินจงกรม ขอให้รู้ว่าเราเดินเพื่อแก้ความง่วง เพราะฉะนั้น เดิน เร็วได้ แต่ไม่ใช่ปล่อยอารมณ์ เดินเร็วโดยที่ไม่สนใจอะไรเลย... อันนั้นไม่ดี ถ้าเดินเร็วแล้วสนใจอาการ เคลื่อนของเท้าเรา แต่ละขณะ แต่ละก้าว ที่มันปุ๊บ ๆ ๆ ๆ ๆ สนใจอาการก้าวของตัวเอง อันนี้สติจะอยู่ กับอารมณ์ปัจจุบันเสมอ เดินเร็วได้ แต่ถ้าเดินเร็ว ๆ แล้วปล่อยเรื่อย ๆ ไป สมาธิเราเมื่อไม่อยู่กับอารมณ์ ปัจจุบันบางครั้งทาให้ฟุ้งซ่านได้ เพราะฉะนั้น สังเกตแบบนี้ ลุก เดินเร็ว ๆ ได้เลย เพื่อแก้ความง่วง พอ ความง่วงหายไป ก็ให้กลับมาเดินช้าลงอีก สังเกตอาการเกิดดับของการเดินต่อไป ให้ทาแบบนี้
ดังนั้น วันนี้การแสดงธรรมมาก็เห็นว่าสมควรแก่เวลา ก็ขอหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ ต่อไปจะได้แผ่ เมตตากัน จากนั้นเราจะได้ปฏิบัติธรรมกันต่อไปจนครบเวลา ก่อนจะแผ่เมตตาทุกครั้ง ขอให้น้อมถึงบุญ กุศลที่เราได้ทา ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล หรือการเจริญภาวนาก็ตาม หรือนึกถึงบุญอย่างใด อ ย า่ ง ห น งึ ่ เ ข า้ ม า ใ ส ใ่ จ ข อ ง เ ร า ใ ห เ้ ต ม็ ถ า้ ใ ค ร น กึ ถ งึ บ ญุ ไ ม อ่ อ ก ห ร อื ไ ม ร่ จ้ ู ะ น กึ ถ งึ บ ญุ อ ะ ไ ร ก ส็ า ม า ร ถ น อ้ ม ร ะ ล กึ ถงึ อานภุ าพของพระผมู้ พี ระภาคเจา้ เพอื่ เพมิ่ พลงั ใหก้ บั ตนเองกไ็ ด้ นอ้ มถงึ บญุ กศุ ลทเี่ ราไดท้ า นอ้ มเขา้ มาใสใ่ จ ของเราให้เต็ม ให้อิ่ม ให้กว้างกว่ารูป กว้างกว่าตัว ให้มีความหนาแน่น...
จากนั้นตั้งจิตอธิษฐาน ด้วยอานิสงส์กุศลผลบุญที่เราได้ทา ที่เรากาลังทาอยู่ ด้วยกาลังของบุญนี้ จงมาเป็นตบะ เป็นพลว เป็นปัจจัย ให้เรามีปัญญา มีดวงตาเห็นธรรม เข้าใจในธรรมคาสอนขององค์


































































































   7   8   9   10   11