Page 59 - มิติธรรม
P. 59
53
๔๖. เมื่อตองการสรางพลังขึ้นใหม จะตองแยกรูปนามใหได ชัดเจนเสียกอน
๔๗. พลังชนิดนี้ไมมีน้ําหนัก มีความไวเปนพิเศษ สามารถดับ โลภะ โทสะ โมหะได และยังสามารถปองกันกิเลสไมใหเกิดขึ้นได อีกดวย
๔๘. เม่ือทําไดอยางน้ีจะเห็นวา รูปนามเปนเพียงปรากฏการณ อยางหนึ่ง เกิดขึ้นชั่วขณะแลวก็หมดไป
๔๙. ไมมีอะไรยั่งยืน จากสิ่งนี้ไปยังสิ่งนั้น ไมมีอะไรเที่ยง
๕๐. แตละปรากฏการณที่เกิดขึ้น มีแตอาการเกิดดับ ไมมี ปรากฏการณไหนที่ไมดับ
๕๑. อาการเหลานี้ จะชัดเจนคลายเห็นดวยตาเปลา
๕๒. เห็นความเปนไปของวิถีรูป วิถีนามอยางชัดเจน
๕๓. เมื่อเห็นเปนอยางนี้ อาการยึดติดจะคอย ๆ คลายออกจน
หมดสิ้น
เกร็ดความรู ๙
๑. ตองมีสติเกาะติดอยูกับอารมณจร และอารมณหลัก สติ จึงจะมีกําลัง
๒. เมื่ออารมณหมดไปแลว ใหมีสติอยูกับอิริยาบถหลัก หาม หาอารมณเพราะจะเกิดตัวตน
๓. อัตตานั้นเกิดจากการสรางขึ้นมาโดยไมรูตัว หรือที่เรียกวาโมหะ
๔. สภาวะปรมัตถเปนสภาพจริงแท ไมไดเกิดจากการสรางขึ้นมา จึงเปนอนัตตา
๕. กําหนดอารมณจรอยางเดียว สติจะไมมั่นคง