Page 92 - ๕๐ ปี ๑๐๐ สัจธรรม-การพิจารณาหัวข้อธรรม
P. 92

952
และอกี อยา่ งหนงึ่ กค็ อื ลกั ษณะของอาการเกดิ ดบั ของความปวดเอง กจ็ ะมคี วามแตกตา่ งกนั ไป เกดิ ดับแบบวิ่งไป แล้วก็เคลื่อนไป หรือเป็นจุด หรือมีอาการแปล๊บ แทงไปแล้วก็หาย เหมือนเข็มแทง เหมือน ของมคี มแทงลงไป หรอื เหมอื นกบั มอี าการบดิ เปน็ เกลยี ว บดิ เหมอื นบดิ ผา้ อนั นนั้ คอื ลกั ษณะของความปวด ที่มีความแตกต่างกันไป เหล่านี้เห็นอะไร ความแตกต่างตรงนี้นี่แหละ เขาเรียกว่าเวทนาไม่เที่ยง เวทนามี ความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เป็นเวทนาเหมือนเดิม อยู่แบบเดิม นิ่ง ๆ ตลอดไป ความไม่เที่ยงของเวทนา อันนี้ อย่างหนึ่ง
อกี อยา่ งหนงึ่ คอื เวทนาทางกาย เขาเรยี กวา่ มคี วามปวด มคี วามเมอื่ ย อกี อยา่ งหนงึ่ แลว้ กม็ อี าการชา มอี าการคนั เกดิ ขนึ้ ตามรา่ งกาย ปวด เมอื่ ย ชา คนั ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามรา่ งกาย อาการปวดจากทเี่ ปน็ แผน่ เปน็ แทง่ เป็นก้อน หรือมีอาการปวดแบบแปล๊บ ๆ มีอาการเมื่อยชา มีอาการชาระยิบระยับ ไปตามตัวตามขาต่าง ๆ หรือมีอาการคันที่เกิดขึ้น ระยิบระยับเหมือนแมลงไต่ เหมือนมดกัด หรือเหมือนยุงไช เหมือนยุงกัด อัน นี้คือลักษณะของเวทนาที่เกิดขึ้น แล้วเวทนาที่ต่างกันไปอันนี้ ความชัดเจน ลักษณะอาการเวทนาที่ต่างกัน ไป ก็ขึ้นอยู่กับกาลังของสติ สมาธิ และปัญญาของเราอย่างหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าอินทรีย์...อินทรีย์ ๕ พละ ๕ ที่ มีความเปลี่ยนแปลงไป การเห็นลักษณะอาการเกิดดับของเวทนาก็ต่างไป
เพราะฉะนั้น เมื่อมีเวทนาเกิดขึ้นมา มีเวทนาเกิดขึ้นมาแต่ละครั้ง โยคีผู้ปฏิบัติจึงต้องใส่ใจ เข้าไป กา หนดรู้ วา่ เวทนาทเี่ กดิ ขนึ้ มานนั้ ตา่ งจากเดมิ อยา่ งไร ตา่ งจากเดมิ อยา่ งไร เกดิ ดบั ตา่ งจากเดมิ อยา่ งไร เพราะ การเกดิ ดบั อารมณท์ เี่ กดิ ขนึ้ ตงั้ อยู่ ดบั ไป ตา่ งจากเดมิ บางขณะดบั แบบมเี ศษ ดบั แลว้ ยงั มเี ยอื่ ใย ยงั มเี ศษ มีค้างอยู่ ไม่หมด ไม่เกลี้ยง ไม่ว่าง ไม่เบา ไม่สงบ ไม่โล่งไป แต่บางขณะ อาการเกิดดับของเวทนาขาดไป ดับแล้วขาดเกลี้ยงไปเลย ไม่เหลือเศษ ดับแล้วว่างไป หายไป นี่คือความแตกต่าง
เพราะฉะนนั้ คา วา่ ยกจติ ขนึ้ สวู่ ปิ สั สนา การสงั เกตถงึ ความเปลยี่ นแปลงตรงนี้ เรารอู้ ะไร ไปดลู กั ษณะ อาการพระไตรลักษณ์ของเวทนา อาการของเวทนาที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คืออนิจจลักษณะ ทุกขลักษณะ และอนัตตลักษณะ เป็นการกาหนดรู้ถึงธรรมะคาสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสว่า เวทนาไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเรา เป็นของเรา เป็นแค่สภาวธรรมอย่าง หนึ่ง ที่ปรากฏเกิดขึ้นมา เวทนาเป็นอะไร ก็เป็นขันธ์ ๆ หนึ่ง ของขันธ์ห้า ที่เกิดขึ้นมาทาหน้าที่ของตน เพื่อ การกาหนดรู้อย่างนี้ จะทาให้เราละ เราคลายอุปาทาน ลดละความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นของเรา เป็นตัวเรา เป็นของเรา
แล้วจะรู้ถึงธรรมชาติว่า การเกิด การที่เราเกิดขึ้นมา คนเรา หรือสัตว์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมามีร่างกาย เวทนาทางกายย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เป็นปกติ ที่บอกว่า การเกิดแก่เจ็บตาย นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีการเกิดแล้ว ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นปกติ ถามว่าเมื่อเป็นปกติแบบนี้ จาเป็นต้องเข้าไปรู้อาการพระไตรลักษณ์ เพื่ออะไร ในเมื่อเรารู้แล้วว่า อาการเวทนาเป็นเรื่องปกติธรรมดา การที่เรายกจิตขึ้นสู่วิปัสสนานี่แหละ จะทาให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา


































































































   90   91   92   93   94