Page 156 - มรรควิถี
P. 156
142
เขามาเกาะ ความคิดหรือความรูสึกที่ไมดีที่เกิดขึ้นก็อาศัยความมีตัวตน แตถาไมมีตัวตนเมื่อไหร ความรูสึกที่เปนอกุศลก็จะหายไป เพราะฉะนั้น เราปฏิบัติอยางมีเจตนาที่จะละความเปนอกุศล ความมีตัวตน
มันมีอยู ๒ อยาง การละอกุศล หนึ่ง.. ละเปนเรื่อง ๆ ละเปน เรื่อง ๆ ไป อยางเชน พอเรามีความทุกข เราก็ดับทุกข มีความคิด ก็ดับ ความคิด มีเกิดจากเรื่องนี้ เราก็ดับเรื่องนี้ไป มันก็จะดับจากเรื่องภายนอก เปนเรื่อง ๆ ไป อีกอยางหนึ่งก็คือ... ดับที่ตนเหตุที่แทจริงเลย ก็คือดับ ความรูสึกวาเปนตัวตน เปนเรา เปนเขา ดวยการเขาไปดูในความรูสึก
เราจะรูไดยังไงวามีตัวตนหรือไมมีตัวตน ? อันนี้ตองพิจารณา ตองสังเกตนะ ถาใครที่เคยเขาถึงความไมมีตัวตน หรือเราสามารถเขาถึง ความเปนอนัตตาได เห็นชัดวาเวลาไมมีตัวตนเปนอยางไร เมื่อไหรที่มี ตัวตนเกิดขึ้น เราก็จะเห็นชัดดวย เพราะความตางของเขาชัดเจนระหวางมี ตัวตนหรือไมมีตัวตน ถาไมชัดเจน ลองพิสูจนไดวา เมื่อเอาความรูสึกวา เปนเราเขามาใสตัว เอาเขามาที่ตัวนี่ รูสึกยังไง ? เมื่อเอาความรูสึกวาเปน เราเขามาที่ตัว รูสึกหนักหรือเบา ? เมื่อเอาความรูสึกวาเปนเราออกไปหาง จากตัว เอาความรูสึกวาเปนเราออกไปจากตัว ตัวรูสึกเปนยังไง ? หนัก หรือเบา ? ถาเราเห็นอยางนี้ชัด ถาไมมีตัวตนเมื่อไหร หรือเมื่อไหรที่ ดับตัวตนได จิตก็จะเบา จะวาง นั่นคือวางจากตัวตน เมื่อวางจากตัวตน ก็วางจากอกุศลไปในตัว
สังเกตนะ.. วางจากตัวตน อกุศลก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ เราไม ตองไปคอยดับทีละตัว ๆ ตรงนี้ อยางดับความโกรธความไมพอใจ ดับความ โลภ หรือความหลง ความหลงในที่นี้ก็คือวาหลงยึดติดในขันธ ๕ หลงยึด ติดวาเปนตัวเราของเรา เมื่อไมยึดติด เมื่อจิตเราวางไมมีตัวตน ตรงนั้นเขา เรียกวามีปญญา มีปญญาที่รูตามความเปนจริงวารูปนามอันนี้เปนคนละ สวนกัน ทีนี้ปญญาที่เกิดขึ้นเราพิสูจนดวยการพิจารณากําหนดรู อยางเชน